'บิ๊กโจ๊ก' ชี้สอบชี้ชัด 'เรือฟินิกซ์' ต่อไม่ได้มาตรฐาน

'บิ๊กโจ๊ก' ชี้สอบชี้ชัด 'เรือฟินิกซ์' ต่อไม่ได้มาตรฐาน

"บิ๊กโจ๊ก" เผยผลวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญด้านเรือ ชี้ชัด "เรือฟินิกซ์" ต่อไม่ได้มาตรฐาน จ่อแจ้งข้อหาเพิ่มเติมผู้เกี่ยวข้อง

เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 61 ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบเรือฟินิกซ์ซึ่งเกิดอุบัติเหตุอับปางกลางทะเลระหว่างเกาะเฮกับเกาะล่มบริเวณเกาะเฮ ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2561ที่ผ่านมา ทำให้มีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตจำนวน 47 ราย และบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ว่า หลังจากได้มีการกู้ซากเรือฟินิกซ์ ซึ่งถือเป็นวัตถุพยานสำคัญในคดีขึ้นมาจากใต้ทะเล ซึ่งมีระดับความลึกประมาณ 45 เมตร และนำมาไว้ที่รัตนชัยคานเรือ ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต เพื่อทำการตรวจสอบและเก็บรายละเอียดของตัวเรือหาสาเหตุที่เกิดการอับปางดังกล่าว นอกจากการทำงานของสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว รัฐบาลยังได้เชิญผู้เชี่ยวชาญเรือจากประเทศเยอรมนีมาร่วมด้วยตรวจสอบคู่ขนานไปกับทางการจีนซึ่งส่งผู้เชี่ยวชาญมาร่วมเก็บรายละเอียดของตัวเรือด้วย

“ผลการตรวจวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อเรือ ระบุว่า เรือลำดังกล่าวไม่ได้มาตรฐาน จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เรืออับปาง และยังมีสาเหตุอื่นๆ ประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นตัวเรือที่ต่อไม่ได้มาตรฐาน ประตูผนึกน้ำซึ่งปกติเรือลำขนาดนี้จะต้องมี 4 ประตู แต่เรือฟินิกซ์มีเพียง1ประตูเท่านั้น กระจกรอบตัวเรือซึ่งไม่ได้ใช้กระจกมารีน ซึ่งสังเกตว่ามีผู้เสียชีวิตติดอยู่ในตัวเรือเป็นจำนวนมาก เพราะไม่สามารถทะลุกระจกออกมาได้ ส่วนของเครื่องยนต์เรือก็เช่นกันแทนที่จะใช้เครื่องยนต์มารีนแต่กลับไปใช้เครื่องยนต์รถสิบล้อแทน และสิ่งสำคัญ คือ มีการใช้ปูนมาถ่วงความสมดุล เพราะการต่อที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งผลการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญตรงกับพิมพ์เขียวเรือ และผลการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ”

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของสำนวนการสอบสวน ซึ่งมีพล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะฯ และตนในฐานะคณะทำงานฯ ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันหลายส่วน โดยในเรื่องของสำนวนการสอบสวนก่อนหน้านี้ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐ คือ เจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต ไปแล้ว 1 ราย ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ นอกจากนั้นยังมีการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ขับเรือ นายท้ายเรือ ผู้ประจำเรือ และเจ้าของอู่ต่อเรือ เนื่องจากไม่ใช่อู่ต่อเรือจริงๆ เป็นแค่โรงกลึง พร้อมกันนี้ยังได้มีการส่งสำนวนให้กับ ปปช.แล้ว และจากพยานหลักฐานทั้งหมดที่มีการรวบรวมได้ เชื่อว่าจะสามารถแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งมีตำแหน่งที่สูงกว่านี้ได้ โดยอยู่ระหว่างการประสานกับทางกงสุลใหญ่จีนประจำประเทศไทย เพื่อจะมาแถลงปิดคดีร่วมกันในสัปดาห์หน้า

"สิ่งที่รัฐบาลไทยได้พยายามดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงให้ทางฝ่ายจีนเห็นถึงความตั้งใจในการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว รวมไปถึงการออกมาตรการต่างๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางกลับเข้ามา โดยเฉพาะมาตรการเรื่องของค่าวีซ่า ซึ่งขณะนี้ก็เริ่มเห็นผลแล้ว ไม่เฉพาะนักท่องเที่ยวจีนเท่านั้น แต่ยังมีนักท่องเที่ยวสัญชาติอื่นๆ เข้ามาด้วย เช่น รัสเซีย เป็นต้น จากเดิมหลังเกิดเหตุมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเดือนละประมาณ 60,000 คน แต่ในเดือนล่าสุดพบว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามากว่า 90,000 คน ถือเป็นสัญญาณที่ดี จากความเชื่อมั่นในมาตรการรักษาความปลอดภัยในการเดินทางท่องเที่ยวที่รัฐบาลไทยมีความตั้งใจอย่างเต็มที่" พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวในตอนท้าย