อาจารย์จุฬาฯ-มธ.จวกคสช.เละ จี้ 'ประยุทธ์' ลาออกหน.คสช.หยุดใช้ม.44

อาจารย์จุฬาฯ-มธ.จวกคสช.เละ จี้ 'ประยุทธ์' ลาออกหน.คสช.หยุดใช้ม.44

นักวิชาการ "จุฬาฯ-มธ." วิเคราะห์ เผย 16 หลุมพรางก่อน-หลังเลือกตั้ง ปลุกปชช.รวมพลังเฝ้าจับตาเลือกตั้ง จวก "คสช." เละ จี้ "ประยุทธ์" ลาออกจากหัวหน้า คสช. หยุดใช้ม.44

ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 15 ธ.ค. 61 เวทีเสวนาวิชาการ "ว่าด้วยบทเรียนและบทบาทในการสังเกตการณ์การเลือกตั้งเพื่อประชาธิปไตย" โดย นางสิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บรรยายในหัวข้อ "กลเกมการเมืองก่อนและหลังการเลือกตั้งปี 2562" ตอนหนึ่งว่า จากการสำรวจพบหมากเกมทางการเมืองถูกวางไว้ก่อนการเลือกตั้งประมาณ 16 หลุม อาทิ การออกแบบระบบการเลือกตั้งในรัฐธรรมนูญ ปี 60 ซึ่งไม่มีประเทศใดในโลกนำมาใช้อีกแล้ว ออกแบบมาเพื่อลดทอนความเข้มแข็งของพรรคการเมือง สร้างความคลุมเครือในการตัดสินใจระหว่างการเลือกส.ส. พรรค หรือนายกฯ , การเซ็ตซีโร่พรรคการเมืองทำให้พรรคไม่มีฐานสมาชิก ,การกำหนดให้พรรคต้องทำไพรมารี่โหวตโดยที่ไม่มีความพร้อม , การใช้ ม.44 ห้ามพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง , รัฐบาลกลายมาเป็นผู้เล่นไม่ใช่กรรมการ หากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสนอตัวเป็นนายกฯอีกครั้ง รัฐบาลจะมีอำนาจเหนือองค์กรอิสระและพรรคการเมืองอื่นๆ , การ ใช้ ม.44 ให้กกต.แบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ใน 5-6 จังหวัด เพื่อเอื้อให้กับบางพรรค

นางสิริพรรณ กล่าวอีกว่า หลุมพรางต่อมาคือ การล็อกนักการเมืองด้วยการส่งทหารไปเยี่ยมเยียนนักการเมืองและหัวคะแนน , การแขวนนักการเมืองท้องถิ่นบางพื้นที่จนมีการย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) , การย้ายพรรคครั้งใหญ่ของอดีตส.ส.ไปยัง พปชร. โดยตัวเลขอดีตส.ส.ปี 54 หรือส.ส.เกรดเอ 55 คน ย้ายมา พปชร. , มิติเศรษฐกิจจากการลงทะเบียนคนจนซึ่งคิดไว้อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เป็นผลให้ 22 กลุ่มทุนได้ประโยชน์จากเม็ดเงิน , การโอนเงิน 500 บาท ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทาง ซึ่งล้วนส่งผลต่อการเลือกตั้ง , ผู้สมัครพรรคเดียวกันมีหลายเบอร์ ทำให้ยากต่อการจดจำและเกิดความสับสนของผู้ที่ยังตัดสินใจไม่สะเด็ดน้ำ ตนจึงคาดหวังให้ กกต. เชิญพรรคการเมืองมาตกลงกันเพื่อจับสลากเบอร์เดียวกันทั้งประเทศ หรือให้กกต.พิมพ์บัตรเลือกตั้ง 350 เขต ส่วนตัวยังมีคามหวังกับ กกต. ที่จะนำดินมากลบหลุมพรางที่ถูกวางไว้ก่อนหน้านี้ รวมถึงกรณีป้ายหาเสียงจะมีแค่หน้าส.ส.เขต หัวหน้าพรรค และแคนดิเดทนายกฯ ห้ามใช้รูปผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ สิ่งที่น่ากังวลใจและมองว่าเป็นอันตรายพอสมควร คือเราไม่เคยมีพรรคการเมืองของรัฐ ขณะที่การเลือกคนที่ใช่ พรรคที่รัก ทำไม่ได้อีกแล้ว

"กลเกมที่วางไว้หลังเลือกตั้ง คือปกติเราจะรู้ผลการเลือกตั้งภายในวันลงคะแนน แต่ครั้งนี้จะรู้ผลภายใน 2 เดือน ไม่เร็วกว่า 1 สัปดาห์แน่นอน ระหว่างนั้นยังมีการสอยใบแดง ใบเหลือง ใบส้ม และใบดำ ซึ่งมีอิทธิฤทธิ์สูงเพราะทุกครั้งที่มีการสอยจะกระทบคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ สามารถคำนวณได้ว่าจะต้องสอยกี่คน นอกจากนี้ยังต้องจับตามองไปที่ประธานรัฐสภาซึ่งเป็นคนที่นำชื่อนายกฯขึ้นทูลเกล้า ในอดีตชื่อนายกฯเคยถูกเปลี่ยนมาแล้ว นอกจากนี้ยังมีประเด็นนายกฯคนนอกซึ่งถูกบิดเบือนว่า เป็นรายชื่อที่เสนอจากพรรค ไม่ถือเป็นคนนอกเพราะผ่านสายตาประชาชนแล้ว แต่ในทางรัฐศาสตร์ นายกฯที่ไม่ผ่านการเลือกตั้งและไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคยังเป็นคนนอก เมื่อได้เป็นนายกฯจะรับผิดชอบต่อประชาชน หรือรับผิดชอบต่อพรรคที่เลือกให้มาเป็นนายกฯ ในภาพรวมมองว่า พรรคที่ชนะการเลือกตั้งอาจไม่ได้เป็นรัฐบาล จึงขอเรียกร้องให้ ส.ว.เคารพประชาชน ขอให้ส.ว.โหวตเลือกนายกฯตามเสียงประชาชน หากประชาชนช่วยกันสังเกตการณ์การเลือกตั้งจะไม่ผิดหวังกับผลเลือกตั้ง" นางสิริพรรณ กล่าว

ขณะที่ นายพงษ์ศักดิ์ จันทร์อ่อน มูลนิธิอันเฟรล (ANFREL) บรรยายในหัวข้อ "การสังเกตการณ์ในต่างประเทศ : การฟื้นฟูและการสถาปนาประชาธิปไตย" ว่า ตนมีบทบาทเป็นผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งนานาชาติ 18 ปี เชื่อมั่นว่า การเลือกตั้งจะทำให้คนไทยเข้าใจว่าวาทะกรรมคนดีไม่มีอยู่จริง ถ้าเรายอมรับอำนาจนอกระบบเราจะเจอกับความเลวร้ายอย่างไร เชื่อว่าคนไทยต้องเรียนรู้เพื่อเปลี่ยนแปลง เพราะประชาธิปไตยไม่มีทางลัด

ด้านนายชูวัส ฤกษ์ศรีสุข บก.เว็บไซต์ประชาไท กล่าวว่า การต่อสู้ของนักมวย 2 คน ดูเผินๆอาจเห็นว่าหน่วยก้านพอๆกัน แต่อีกคนมีปืนสะพายหลังอยู่ บทบาทของสื่อต้องสร้างสนามแข่งขันที่เป็นธรรม ถ้าปล่อยให้การเลือกตั้งครั้งนี้มีการโกง สื่อจะไม่ได้รับความเชื่อถืออีกเลย ต้องปลดอาวุธ คสช.แยก คสช.ออกจาก พปชร. สื่อต้องเรียกร้องให้หยุดรายการพูดข้างเดียว

จากนั้น เป็นการบรรยายในหัวข้อ "สิ่งที่ต้องจับตาในการสังเกตการณ์การเลือกตั้ง" โดย นายประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งกล่าวว่า จากบทเรียนในหลายประเทศ ทำให้มองเห็นการชุบตัวของเผด็จการผ่านการเลือกตั้ง หรือเรียกว่าระบอบเผด็จการจำแลงตัวเองให้เป็นประชาธิปไตย จัดการเลือกตั้งโดยที่ไม่ทำให้ตัวเองเสียอำนาจ คุมผลลัพธ์ให้ได้ การเลือกตั้งครั้งนี้เราจะไม่เห็นการโกงโจ่งแจ้งเหมือนในยุคจอมพลป. พิบูลสงคราม แต่จะทำด้วยความแนบเนียน มีกลไกและเทคนิคที่ซับซ้อน เช่น แบ่งเขตพิสดาร โดยการเลือกตั้งภายใต้รัฐบาลคณะรัฐประหาร คสช.ยังมีอำนาจอยู่จนกว่าจะมีครม.ชุดใหม่ และยังมีอำนาจเต็ม ถ้าเปรียบเป็นภาษากีฬาอาจเทียบเคียงได้ว่า คสช.ออกกติกาเอง ส่งผู้เล่นลงแข่ง แต่งตั้งกรรมการเอง และเปลี่ยนกติการะหว่างทางได้ด้วย ม.44 ได้ รวมทั้งมีผู้เล่นนอกสนาม หรือส.ว. ซึ่งไม่เล่นในสนามแต่สุดท้ายจะมีผลต่อการตัดสิน

นายประจักษ์ กล่าวอีกว่า เราต้องร่วมกันจับตาถึงกฎเกณฑ์ที่จะออกมาหลังมีพ.ร.ฎ.เลือกตั้ง การจัดการเลือกตั้งโดยกกต. ไปจนถึงขั้นตอนการนับคะแนน การข่มขู่บังคับที่อาจทำต่อนักการเมือง หัวคะแนน หรือผู้เลือกตั้ง จนต้องย้ายขั้ว ย้ายพรรค เสรีภาพในการหาเสียงของพรรคการเมืองและเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน และต้องจับตาโซเซียลมีเดีย เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์คล้ายประชามติโมเดล มีให้ข้อมูลข้างเดียวเฉพาะฝ่ายสนับสนุนเท่านั้นที่เผยแพร่ได้ และกลเกมหลังการเลือกตั้ง 24 ก.พ.62 ช่วงนับคะแนนเป็นสุญญากาศ คสช.ยังอยู่ ม.44 อาจถูกนำมาใช้บิดเบือน จัดการหรือระงับข้อพิพาทในบางเขตเลือกตั้ง การเลือกตั้งเพื่อเปลี่ยนไปสู่ประชาธิปไตย ตัวละครที่มีบทบาทสำคัญคือ กองทัพกับประชาชน ถ้ากองทัพไม่วางตัวเป็นกลางจะเป็นอันตรายมาก ขณะที่ประชาชนจะเป็นเพียงผู้ใช้สิทธิหย่อนบัตรไม่พอ แต่จะต้องมีบทบาทจับตาการเลือกตั้งในเขตของตัวเอง

"ผมขอเสนอให้ร่วมกันส่งพลังกดดันไปยัง คสช. ให้เลิกใช้ ม.44 ไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ได้รับเสนอชื่อเป็นแคนดิเดทนายกฯไม่ว่าจากพรรคใด อย่างน้อยแม้ไม่ลาออกจากนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ควรลาออกจากหัวหน้า คสช. เพราะขณะนี้สวมหมวกอยู่หลายใบ การลาออกจากหัวหน้าคสช. จะทำให้สง่างามมากกว่า และรัฐบาลควรเปิดกว้างและเชิญชวนองค์กรระหว่างประเทศ ผู้แทนระหว่างประเทศเข้าสังเกตการณ์การเลือกตั้ง หากเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมก็ยากที่จะมีความชอบธรรมในการบริหารประเทศ จากบทเรียนของหลายประเทศทำให้น่าห่วงว่า การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งรอบใหม่ ตอนนี้การเลือกตั้งเหมือนเป็นความหวังสุดท้ายในการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองไปได้อย่างเรียบร้อย" นายประจักษ์กล่าว