คลายกังวลสงครามการค้าหนุนราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น

คลายกังวลสงครามการค้าหนุนราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัส สหรัฐ ปิดตลาดวันพฤหัสบดี (13ธ.ค.)ปรับตัวขึ้น จากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนม.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ปรับตัวขึ้น 1.43 ดอลลาร์หรือ 2.8%  ปิดที่ราคา 52.58 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ปรับตัวขึ้น 1.19 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 61.34 ดอลลาร์/บาร์เรล

ทั้งนี้ สื่อรายงานว่า บริษัทของรัฐบาลจีนได้สั่งซื้อถั่วเหลืองของสหรัฐมากกว่า 1.5 ล้านตัน ซึ่งเป็นการสั่งซื้อถั่วเหลืองสหรัฐเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 6 เดือน

ขณะที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า จีน กำลังเตรียมทบทวนนโยบาย “เมด อิน ไชนา 2025” โดยจะทำให้บริษัทต่างชาติสามารถเข้าสู่ตลาดจีนได้มากขึ้น ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังดำเนินไปด้วยดี และเขาพร้อมจะแทรกแซงกรณีการจับกุมตัวนางเมิ่ง ว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (ซีเอฟโอ) ของบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี หากจะช่วยให้สหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน

กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ออกรายงานภาวะตลาดน้ำมันประจำเดือนธ.ค. ระบุว่า การผลิตน้ำมันของโอเปค ลดลงในเดือนพ.ย. จากการลดการผลิตน้ำมันของอิหร่าน แม้ว่าซาอุดีอาระเบียเพิ่มการผลิตน้ำมันสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ทั้งนี้ การผลิตน้ำมันของโอเปคลดลง 11,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.965 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนพ.ย. โดยอิหร่านลดการผลิต 380,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับต่ำกว่า 3 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค.2559 ขณะที่ซาอุดีอาระเบีย เพิ่มการผลิตน้ำมัน 377,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับเกือบ 11.1 ล้านบาร์เรล/วัน แต่ซาอุดีอาระเบีย คาดว่าการผลิตน้ำมันในประเทศจะลดลงสู่ระดับ 10.2 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนม.ค.ปีหน้า

สำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) ระบุว่า ถึงแม้ว่าสหรัฐไม่ได้เข้าร่วมการประชุมระหว่างกลุ่มประเทศโอเปก และประเทศนอกกลุ่มโอเปกในสัปดาห์ที่แล้วที่กรุงเวียนนา แต่สหรัฐกำลังมีอิทธิพลมากขึ้นในตลาดน้ำมันโลก