ปัจจัยลบใน-นอกประเทศหนุนหุ้นสหรัฐปิดไร้ทิศทาง
ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นสหรัฐปิดวันพฤหัสบดี (13ธ.ค.)ปรับตัวขึ้น สวนทางดัชนีเอสแอนด์พี500 และดัชนีแนสแด็ก ขณะที่นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทั้งสถานการณ์ภายในและนอกประเทศ แม้ช่วงเปิดตลาดดัชนีหุ้นหลักจะปรับตัวขึ้น
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 70.11 จุดหรือ 0.29% ปิดที่24,597.38 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วง 0.53 จุดหรือ 0.02% ปิดที่ 2,650.54 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลบ 27.98 จุดหรือ 0.39 % ปิดที่ 7,070.33 จุด
อย่างไรก็ตาม ช่วงเปิดตลาดดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด ขณะที่นักลงทุนขานรับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยสื่อหลายแห่งรายงานว่า บริษัทของรัฐบาลจีนได้สั่งซื้อถั่วเหลืองของสหรัฐมากกว่า 1.5 ล้านตัน ซึ่งเป็นการสั่งซื้อถั่วเหลืองสหรัฐเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 6 เดือน
ด้านหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า จีน เตรียมทบทวนนโยบาย “เมด อิน ไชนา 2025” โดยจะทำให้บริษัทต่างชาติสามารถเข้าสู่ตลาดจีนได้มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงต้องการใช้นโยบายนี้กระตุ้นอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงในประเทศ แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์วิจารณ์นโยบายดังกล่าวว่าเป็นนโยบายกีดกันทางการค้า
แหล่งข่าว ระบุว่า นโยบายใหม่ของจีนที่จะทดแทนนโยบาย “เมด อิน ไชนา” จะทำให้จีนลดเป้าหมายในการเป็นผู้นำในภาคการผลิต โดยจีนอาจใช้นโยบายใหม่ในต้นปีหน้า ขณะที่สหรัฐและจีนจะเร่งการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งทางการค้าระหว่างกัน