ระวังแรงขาย 1,645

ระวังแรงขาย 1,645

SET Index วานนี้ในช่วงเช้าปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค ก่อนจะย่อตัวลงมาในช่วงบ่าย

SET Index วานนี้ในช่วงเช้าปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค ก่อนจะย่อตัวลงมาในช่วงบ่าย โดยมีปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นรับข่าวรัสเซียลดกำลังการผลิต และกลุ่มติดอาวุธยึดบ่อน้ำมันในลิเบีย อีกทั้งกระทรวงพาณิชย์ยังแสดงความมั่นใจว่าส่งออกไทยปีหน้าจะยังโตได้ 8%  ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,634.88 จุด (+1.26 จุด) Volume 3.6 หมื่นลบ. จาก Foreign Net -1,771.49 ลบ. TFEX Net -2,700 สัญญา ตลาดตราสารหนี้ +2,662 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ดาวโจนส์ปิดพุ่งหลังทรัมป์ส่งสัญญาณว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังดำเนินไปด้วยดี ขณะเดียวกันมีรายงานว่า จีนเตรียมเปิดตลาดให้บริษัทต่างชาติมากขึ้น

+สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอสินเชื่อจำนองเพิ่มขึ้น 1.6% ขณะดอกเบี้ยเงินกู้ปรับตัวลง ขณะที่ดัชนี CPI ทรงตัวในเดือนพ.ย.

+ สหรัฐเผยภาวะเงินเฟ้อ (CPI) เดือนพ.ย. อ่อนแอที่สุดในรอบ 8 เดือนจากราคาน้ำมันดิ่งลง ไม่กดดัน FED เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

+"ทรัมป์"เผยพร้อมแทรกแซงคดีผู้บริหาร"หัวเว่ย" ช่วยหนุนเจรจาการค้ากับจีน

+"เทเรซา เมย์" รอดมติไม่ไว้วางใจ ส่งผลนั่งเก้าอี้นายกฯอังกฤษ-หัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมต่อไป

-น้ำมันปิดลบหลัง สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงน้อยกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรตามโอเปกเปิดเผยว่าการผลิตน้ำมันของโอเปกลดลงในเดือนพ.ย.

- ADB  ลดคาดการณ์ GDP ของไทยปีนี้จากเดิม  4.5% สู่ 4.3% และปีหน้าจาก 4.3% สู่ 4.1%

+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 2.84 แสนล้านบาท ค่าเงินบาท 33.02 บาท/US

**จับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดแถลงยุติ QE อย่างเป็นทางการ

คาดวันนี้ดัชนี SET มีโอกาสบวกต่อจากความหวังในการเจรจาการค้าสหรัฐฯ และจีนหลังจีนเตรียมเปิดตลาดให้ต่างชาติมากขึ้น แต่ยังมีปัจจัยกดดันจากใกล้ช่วงวันหยุดยาวที่นักลงทุนต่างชาติทยอยปิดสถานะ และภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีหน้ามีแนวโน้มแผ่วลงจากปีนี้  คาดดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,625-1,645 จุด

กลยุทธ์การลงทุน  

- GYT HFT IRC NDR SE-ED COL มาตรการช็อปช่วยชาติ ยางรถ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์

- CPALL MAKRO BJC ลุ้นมาตรการช็อปตรุษจีน

- 14 ธ.ค. ประกาศผลรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน CK STEC

- Low Beta High Dividend ASK TISCO KKP TOP TKS

- หุ้น Theme EEC play : AMATA, WHA, EASTW, ATP30, ORI

-  หุ้นเข้าใหม่มีผล 24 ธ.ค. ดัชนี FTSE SET Large Cap Index = GULF

 ดัชนี FTSE SET Mid Cap Index = AEONTS OSP THANI TU

หุ้นแนะนำพิเศษ

CK (ราคาปิด 25.25 Bloomberg Consensus 31.44)

  • สถานะ Backlog ปลาย 3Q61 คงเหลือราว 5 หมื่นลบ. (เพียงพอที่จะรับรู้ได้อีก 2 ปี) ขณะที่ YTD สามารถประมูลงานใหม่เข้ามาเพียงแค่ 5.4 พันลบ. อย่างไรก็ตาม CK ยังรอลุ้นผลการประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งคาดว่าจะประกาศผลผู้ชนะในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ มูลค่าราว 2.3 แสนลบ.(สัดส่วนในโครงการ CP 70% ,BEM 10% ,CK 5% ,ITD 5% และ CRCC 10%) นอกจากนี้ ช่วงต้นปี62 มีโครงการประมูลที่ CK สนใจเข้าร่วมประมูลหลายโครงการ ได้แก่ โครงการสนามบินอู่ตะเภา โครงการรถไฟความเร็วสูงกทม.-โคราช โครงการสร้างศูนย์การแพทย์ที่ขอนแก่น โครงการทางด่วนพระราม3-ดาวคะนอง โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง  และโครงการทางยกระดับ(บางปะอิน-นครราชสีมา บางใหญ่-กาญจนบุรี) มูลโครงการรวมราว 5.6 แสนลบ.
  • ความเห็น : แนวโน้ม 4Q61 คาดว่าจะอ่อนตัวเนื่องจากไม่มีการรับรู้กำไรพิเศษเหมือนในไตรมาส และปี62 คาดว่ารายได้จะทรงตัวแถว 3 หมื่นล้านบาทเนื่องจากจำนวน Backlog ที่ยังคงลดลง อย่างไรก็ตาม หาก CK ชนะการประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน(จะทราบผลวันที่ 14 ธ.ค.61) จะช่วยเติม Backlog เพิ่มขึ้นอีกราว 5 หมื่นลบ. และเป็น catalyst ของราคาหุ้น

หุ้นมีข่าว   

PACE Analyst Meeting : แนะนำ “Wait & See”

·      หนี้คงค้าง ณ 30 พ.ย. ราว 1.3 หมื่นลบ. เทียบกับมูลค่าธุรกิจอสังหาฯ4 โครงการ 1.77 หมื่นลบ.น่าจะทยอยชำระคืนหนี้ได้หมด สถานะการเป็นลูกหนี้ของ SCB อยู่ในภาวะปกติ

·      บริษัททำสัญญาให้สิทธิแฟรนไชส์ร้านดีน แอนด์ เดลูก้าให้กับลากาแด (Lagardere Travel Retail) ผู้นำระดับโลกในธุรกิจค้าปลีก ร้านค้าปลอดภาษี และการค้าปลีกอื่น ๆ ในสนามบิน สถานีรถไฟ และจุดท่องเที่ยวใน 34 ปท.ทั่วโลก ตั้งเป้าเปิดร้าน ดีน แอนด์ เดลูก้า 150 สาขา ภายใน 5 ปี

·      ความเห็น การขยายสาขาร้านดีนฯแบบแฟรนไชส์ไม่กดดันใช้งบลงทุนมาก อย่างไรก็ดี แนวโน้มผลการดำเนินงานงวด 4Q61 อาจยังขาดทุนจาก backlog น้อยจากโครงการมหานครที่เหลือ #23 ขายแล้ว #21 และโครงการมหาสมุทร-วิลล่ามี backlog ราว 450 ลบ.ซึ่งจะทยอยโอนภายใน 1Q62 ปลายก.ย. 61 มี D/E 14 เท่า ทรงตัวYTD ยอดขาดทุนสะสม 9.8 พันลบ. อัตราส่วนของส่วนของผู้ถือหุ้นต่อทุนชำระแล้ว 12% (ต่ำกว่าเกณฑ์ที่ 50%) ทำให้มีแนวโน้มถูกแขวน “C” ต่อไป ในอนาคตอาจต้องเพิ่มทุนเพื่อปรับโครงสร้างทุนให้แข็งแกร่งขึ้น

·      TRUE จะขายหุ้นทั้งหมด 15.76% ใน"ไทยสมาร์ทคาร์ด" ให้ CPALL มูลค่า 453.88 ลบ. ราคาขายหุ้นละ 18 บาทเป็นราคาเดียวกันกับราคาที่ CPALL เสนอซื้อจากผู้ถือหุ้นรายอื่นทุกราย และเป็นราคาที่สูงกว่ามูลค่าตามบัญชีของหุ้น TSC ณ  30 ก.ย.61 อยู่ที่หุ้นละ 9.33 บาท  ทั้งนี้ ภายหลังการขายหุ้นครั้งนี้ TSC ให้ CPALL นับเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกัน และจะทำให้ TRUE ไม่มีหุ้นคงเหลืออยู่ใน TSC ขณะที่บริษัทจะได้รับกำไรจากเงินลงทุนซึ่งจะทำให้บริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้น (ที่มา IQ)

·      +DTAC กสทช. เผย DTN ชำระค่าใบอนุญาต 900 MHz งวดแรก 4,020 ลบ.

·      + CHO ลุยขายหุ้นเพิ่มทุน PP ให้ “มารัตน์ แซ่ลิ้ม” จำนวน 118 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.4297 บาท หวังระดมทุน 169 ล้านบาท เพื่อใช้ซัพพอร์ตลงทุน “โครงการ E-Ticket-ศูนย์ซ่อมรถสิบล้อ-ขอนแก่น Smart City” (ที่มาข่าวหุ้น)   

·      ประเด็นบวกกลุ่มสื่อสาร “กสทช.” จัดตั้งคณะทำงานเพื่อจัดทำหลักเกณฑ์ และคณะทำงานประเทินมูลค่าคลื่น 700MHz คาดได้ข้อสรุปปลาย ก.พ.-ต้น มี.ค.62 เปิดประมูลกลาง มี.ค.62 เบื้องต้นประมูล 45 MHz แบ่งเป็น 9 ใบ ใบละ 5 MHz ราคาเริ่มต้น 5,000-6,000 ล้านบาท ไม่พ่วงคลื่นความถี่อื่น(ที่มาข่าวหุ้น)

·      + VGI ร่วมทุน Sinarmas Group ลงทุนสื่อดิจิทัลในอินโดนีเซีย ในการเข้าไปจัดการบริหารพื้นที่สื่อโฆษณาในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) เรียบร้อยแล้ว เป็นระยะเวลา 20 ปีคาดเริ่มบุ๊กรายได้ในปี 62 คาดเบรกอีเวนท์ได้ 2-3 ปีข้างหน้า(ที่มา : IQ)

·      EA ตั้ง 2 บริษัทย่อย  "MMC - EA Station" เดินเครื่องลุยธุรกิจประกอบ ผลิต จัดจำหน่ายยานยนต์พร้อมรุก Hub Station และ Logistic เสริมอนาคต(ที่มา : ทันหุ้น)

·      + RATCH เผยโรงไฟฟ้าพลังงานลม Mount Emerald ในออสเตรเลีย เริ่ม COD แล้ว กำลังการผลิต 180 เมกะวัตต์

·      III เร่งจบแผนซื้อที่ขยายคลังสินค้า หลังลูกค้าแห่เช่าเพียบ ดันอัตราการใช้พื้นที่ทะยาน 90% คาดได้ข้อสรุปชัดเจนเร็วๆ นี้ ขณะที่บริการสายการเดินเรือเข้าช่วงไฮซีซัน ดันรายได้ไตรมาส 4/61 ร้อนแรง มั่นใจผลงานสิ้นปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายโต 20% (ที่มา ทันหุ้น)

·      KBANK (ราคาปิด 190 Bloomberg Consensus 232.96) ลงทุนผ่านบริษัทลูก จับมือ LINE ตั้ง'กสิกร ไลน์'ลุยโซเชียลให้บริการทางการเงิน กลุ่มเป้าหมายได้แก่ผู้ใช้งาน LINE จำนวน 44 ล้านคนในประเทศไทย โดยเฉพาะกับกลุ่มมิลเลนเนียล