ช่วงนี้คนการเมืองคึกนัก! หลัง คสช. ปลดล็อกคำสั่งเเละประกาศ คสช. เก้าฉบับที่บีบคนเเละพรรคการเมืองมายาวนาน
เเต่อย่าลืมชายตามองกฎหมายที่จะบังคับใช้กับคนไทยทั่วประเทศที่ผ่านความเห็นชอบจากฝ่ายนิติบัญญัติด้วย
ใกล้เป็นการประชุมส่งท้ายปี “สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)” ชุดที่มี “พรเพชร วิชิตชลชัย” เป็นประธาน สนช. จัดวาระพิจารณา ร่างกฎหมาย 8 ฉบับรวด ในวาระสองและวาระสามในวันเดียว คือ 13 ธันวาคม และจัดอีก 5 ฉบับที่ เสนอใหม่ ในวันที่ 14 ธันวาคมนี้ ซึ่ง 8 ฉบับ ที่พิจารณาในวันนี้ มีร่างกฎหมายที่น่าจับ คือ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่ดูเหมือนจะเพิ่มสิทธิ และสวัสดิการ อันพึงได้ของ “ลูกจ้าง”
โดยเนื้อหาของร่างพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ตามที่ “กรรมาธิการฯ” พิจารณา คือ กำหนดให้ลูกจ้างลากิจธุระได้ 3 วันทำงานต่อปี, ลูกจ้างหญิงที่ตั้งครรภ์ จากเดิมกฎหมายกำหนดให้ลาคลอดได้ 98 วัน ยังเพิ่มเนื้อหาให้ การลาเพื่อตรวจครรภ์ คือ วันที่ได้สิทธิเสมือนวันลาคลอด ขณะที่ค่าตอบแทนลูกจ้างหญิงที่ใช้สิทธิลาคลอด นั้น กำหนดนายจ้างจ่ายค่าจ้างให้ 45 วัน
นอกจากนั้นแล้วร่างกฎหมายยังกำหนดการได้รับค่าชดเชย กรณีถูกเลิกจ้าง สำหรับ กรณี “นายจ้าง” ยุติการประกอบกิจการทั้งหมด หรือบางส่วน เพราะผลประกอบการ ที่ไม่ใช่เหตุสุดวิสัย กำหนดให้นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างให้ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 75 ของค่าจ้าง, กรณีลูกจ้างที่อายุงานเกิน 10 ปี แต่ไม่ถึง 20 ปี ให้ได้รับค่าตอบแทน 300 วันค่าจ้างตามอัตราที่ได้รับ 300 วัน ย้อนหลัง, ลูกจ้างอายุงาน 20 ปีขึ้นไป ให้ได้ค่าชดเชย 400 วันตามอัตราที่ได้รับค่าจ้าง 400 วัน ย้อนหลัง นอกจากนั้นแล้วกรณีที่บริษัทใดเปลี่ยนแปลงนายจ้างและต้องโอนลูกจ้างไปอยู่กับบริษัทใหม่ ร่างกฎหมายกำหนดให้ “ลูกจ้าง” ต้องแสดงความยินยอมด้วย
ทั้งนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวไม่มี “สนช.” คนใดที่ติดใจเสนอคำแปรญัตติ แต่ต้องรอดูในมาตราที่ “กรรมาธิการฯ” แก้ไข ว่าจะมี “สนช.” คนใดเห็นต่าง และขอแก้ไขเพิ่มเติมหรือไม่
ต่อมาคือ กลุ่มร่างกฎหมาย ที่กำหนดให้ “ข้าราชการ” ที่ถูกองค์กรตรวจสอบตัดสินความผิดวินัยร้ายแรง ถูกต้นสังกัด เรียกสอบวินัย พร้อม ลงโทษตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ย้อนหลังได้ แม้จะพ้นจากตำแหน่งราชการไปแล้ว ซึ่งกลุ่มร่างกฎหมายดังกล่าว คือ ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน (ฉบับที่ ..) , ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการรัฐสภา (ฉบับที่ ..) , ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ ..), ร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) และ ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับที่ ..)
โดยสาระสำคัญ ของร่างกฎหมายทั้ง 5 ฉบับนั้น มีใจความเดียวกัน คือ กรณีที่องค์กรตรวจสอบฟันความผิดอาญาที่สิ้นสุด และ มีหนังสือแจ้งผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการให้เข้าข่าย “ผิดวินัยอย่างร้ายแรง” ต้นสังกัดมีสิทธิดำเนินการทางวินัยได้ต่อ แม้จะพ้นจาก ตำแหน่งทางราชการ แต่มีเงื่อนไขให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี นับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งราชการ
นอกจากนั้นร่างกฎหมายยังให้สิทธิ “ผู้ที่ถูกฟันความผิด” อุทธรณ์ ได้ต่อ และหากผลสรุปของศาลปกครองพิพากษาว่า การถูกตัดสินว่ามีความผิดทางวินัยร้ายแรงนั้น ไม่ถูกต้อง เพราะกระบวนการตรวจสอบไม่ถูกต้อง ให้ผู้ที่มีหน้าที่ดำเนินการในกรณีที่เกิดขึ้น ให้แล้วเสร็จภายใน 2 ปี
อย่างไรก็ดีในกลุ่มร่างกฎหมายที่ตั้งใจสร้างมาตรฐานของการดำเนินงานปราบโกงให้เป็นผล แม้ “คนผิด” จะพ้นจากตำแหน่งราชการไปแล้ว ยังมี “สนช.” ที่ติดใจและเสนอคำแปรญัตติให้ “หน่วยงานต้นสังกัด” รับลูก “ผลตรวจสอบจากองค์กรตรวจสอบ” ให้เสร็จภายใน 1 ปี แทนที่จะให้เวลานาน 3 ปี เพื่อให้การกำจัดคนโกงในวงราชการทุกระดับให้เด็ดขาด ...