วชช.ชุมชน ขานรับทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง

วชช.ชุมชน ขานรับทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง

วชช.ชุมชน เห็นพ้องทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง ชี้กสศ.งบน้อยแต่ลงทุนถูกจุด ช่วยประเทศแก้เหลื่อมล้ำ กสศ.ย้ำเร่งช่วยเยาวชนยากจนสุดของประเทศ ให้มีโอกาสเรียนเต็มศักยภาพ สร้างผลตอบแทนคืนกลับไม่ต่ำกว่าหมื่นล้าน

นายชุมพล พรประภา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สถาบันวิทยาลัยชุมชน (วชช.) เปิดเผยในการประชุมของผู้อำนวยการวิทยาลัยชุมชน 20 แห่งว่า ที่ผ่านมาสถาบันวิทยาลัยชุมชน ได้พัฒนาการจัดการเรียนการสอนให้สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการสร้างงาน สร้างรายได้ และสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืน โดยเน้นหลักสูตรซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของท้องถิ่นและตลาดแรงงาน4.0 ควบคู่กันไปด้วย จุดเด่นของวิทยาลัยชุมชน คือเข้าถึงความต้องการชุมชน อีกทั้งกรรมการสภาของแต่ละสถาบันมีทั้งผู้แทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หอการค้าจังหวัด ภาคเอกชน ทำให้สามารถจับจุดได้ว่าโจทย์ที่ท้องถิ่น ต้องการให้พัฒนาคือเรื่องใดบ้าง โดยในแต่ละพื้นที่จะมีความแตกต่างกันไป ล่าสุดได้เชิญกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) มาร่วมประชุมและบรรยายให้แก่ผู้บริหาร วชช.ทั้ง 20 แห่งทั่วประเทศเกี่ยวกับทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง ซึ่งเป็นทุนสนับสนุนที่มีลักษณะการทำงานแบบร่วมพัฒนา ยกระดับคุณภาพการเรียนการสอน เน้นให้สถาบันทำงานกับภาคเอกชนในการพัฒนาคุณภาพนักศึกษาให้มีทักษะ ความพร้อม ตามความต้องการตลาดแรงงาน

“ถึงแม้ว่างบประมาณไม่ได้มากมาย แต่กสศ.คิดค้นลงทุนได้ถูกจุด เน้นกลุ่มเป้าหมาย เด็กและเยาวชนด้อยโอกาสจากครอบครัวที่มีรายได้ต่ำที่สุด จะได้มีโอกาสศึกษาต่อระดับสูงขึ้น และยังพัฒนาคุณภาพสถาบันสายอาชีพควบคู่ไปด้วย เป็นมิติใหม่ของการให้ทุนสนับสนุนที่มีวัตถุประสงค์ชัดเจน ตอบโจทย์ชุมชนท้องถิ่นและโจทย์ประเทศ ทั้งยังดูแลผู้รับทุนต่อเนื่อง สอดคล้องภารกิจและทำงานของวิทยาลัยชุมชนและช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของประเทศในระยะยาว เท่าที่ดูคาดว่า มีวิทยาลัยชุมชนไม่ต่ำกว่า4 แห่งที่มีคุณสมบัติตรงตามหลักเกณฑ์ และร่วมเสนอโครงการ เพื่อเป็นต้นแบบในการพัฒนาวิทยาลัยชุมชน ให้เป็นสถาบันนวัตกรรมชั้นสูงในปีแรก ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ฝีมือของผู้บริหาร วชช.ที่สะท้อนการทำงานเพื่อปฏิรูปคุณภาพสถาบันอย่างแท้จริง” ดร.ชุมพล กล่าว

S__6201453

ด้าน นพ.สุภกร บัวสาย ผู้จัดการกองทุน เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กล่าวว่า โจทย์สำคัญของ กสศ.คือทำอย่างไรที่จะเพิ่มคุณภาพการศึกษาและลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา โดยมุ่งไปที่เด็กและเยาวชนจากครอบครัวรายได้ต่ำสุด20%แรกของประเทศ จำนวนประมาณ 160,000 คนต่อรุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มที่อยู่ก้นบึ้งของสังคมไทย ให้มีโอกาสศึกษาต่อเต็มศักยภาพ ต้องขอบคุณรัฐบาลและสำนักงบประมาณที่มองเห็นถึงประโยชน์และสนับสนุนให้กสศ.คิดค้นโครงการที่เป็นนวัตกรรมรวมถึงการสร้างต้นแบบ เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ซึ่งเป็นปัญหาเร่งด่วนของประเทศ แม้ว่าจะเป็นงบประมาณผูกพันที่ต้องสะสมเพิ่มขึ้นทุกปี จึงถึงปีที่ห้าเมื่อรุ่นแรกจบการศึกษาจากนั้นงบประมาณก็จะไม่เพิ่มขึ้นในลักษณะสะสม กสศ.ได้คำนวณ ผลตอบแทนของโครงการทุนนวัตกรรมสายอาชีพขั้นสูง จากนักเรียนผู้รับทุน 2,500 ทุน ในปีแรก จากข้อสมมติฐานว่าผู้รับทุนทุกคนทำงานหลังจบการศึกษาจนถึงเกษียณอายุ 60 ปี จะคิดเป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (Net Present Value : NPV ) ประมาณ 10,000 ล้านบาท หรืออัตราผลตอบแทนการลงทุน (IRR หรือ Internal Rate of Return อยู่ที่ร้อยละ10

“โครงการนี้จะช่วยให้เกิดผลประโยชน์ใน 3 ประเด็นหลัก คือ1.สร้างโอกาสให้นักเรียนยากจนราว 2,500 คน นักเรียนกลุ่มนี้แทบจะไม่เคยมีโอกาสได้เรียนสูงกว่ามัธยมปลาย ได้เรียนต่อสายวิชาชีพ 2.สถาบันวิชาชีพมีการปรับตัว ขณะนี้หลายแห่งกำลังพัฒนาแผนงานแนวใหม่เจาะจงสาขาที่จบแล้วมีอนาคต รวมถึงแผนงานที่จะดูแลนักศึกษาอย่างใกล้ชิด 3.ตอบโจทย์ประเทศไทย 4.0 ของรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรมโดยจะเริ่มทำงานกันทันทีตั้งแต่ปีการศึกษา 2562 นี้ ซึ่งวิทยาลัยชุมชนเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของโครงการ ที่สามารถพัฒนาสู่การเป็นสถาบันนวัตกรรมชั้นสูง ช่วยสร้างกำลังแรงงานสายอาชีพที่จะเป็นกำลังคนคุณภาพของประเทศได้ ”นพ.สุภกร กล่าว

S__6201452

สำหรับ “ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง” จะสนับสนุนงบประมาณผ่านสถาบันการศึกษาสายอาชีพประกอบด้วย ทุนสำหรับพัฒนาสถาบันการศึกษาที่ผ่านการพิจารณาคัดเลือกตามคุณภาพ ประมาณ 50 แห่ง ซึ่งต้องพัฒนาหลักสูตรที่รองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายหลักของประเทศ สายอาชีพที่กำลังขาดแคลนและเป็นที่ต้องการของตลาดแรงานในท้องถิ่นหรือจังหวัด รวมถึงสายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และทุนการศึกษาแก่นักศึกษาจำนวน 2,500 ทุนต่อปีที่ผ่านการคัดเลือกโดยสถาบันการศึกษา โดยเปิดกว้างให้สถาบันการศึกษาที่จัดการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรืออนุปริญญาสายอาชีพจากทุกสังกัด ทั้งนี้กำหนดรับข้อเสนอโครงการตั้งแต่ วันที่15-28 ธันวาคม 2561 สามารถติดตาม ข่าวสารที่ www.EEF.or.th หรือ สายด่วน โทร 02-079-5475 กด 2 ในวันและเวลาราชการ