คลายกังวลสงครามการค้า

คลายกังวลสงครามการค้า

SET Index วานนี้ปรับตัวลง ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค ท่ามกลางความกังวลว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลง

ประกอบกับความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ที่อาจยืดเยื้อออกไป สืบเนื่องจากการจับกุมผู้บริหารของบริษัทหัวเว่ย นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงยังเป็นปัจจัยกดดันต่อตลาด ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,633.62 จุด (-16.37 จุด) Volume 4.3 หมื่นลบ. จาก Foreign Net -1,435.37 ลบ. TFEX Net -15,493 สัญญา ตลาดตราสารหนี้ -2,950 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+น้ำมันปิดบวก 65 เซนต์ รับข่าวรัสเซียลดการผลิต,กลุ่มติดอาวุธยึดบ่อน้ำมันในลิเบีย

+สหรัฐเผยดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ย.

+ศาลแคนาดาอนุญาตให้ประกันตัวผู้บริหาร "หัวเว่ย" หลังยื่นหลักทรัพย์วงเงิน 7.5 ล้านดอลลาร์

+จีนเตรียมหั่นภาษีรถยนต์สหรัฐเหลือ 15% จากปัจจุบัน 40%

+หัวหน้าคสช.ใช้ม.44 ยกเลิกคำสั่ง-ประกาศ เพื่อปลดล็อกให้ปชช.-พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง

+พาณิชย์ ยังมั่นใจส่งออกไทยปีหน้าโต 8% แม้เอกชนประเมินโต 5-7%

-ดาวโจนส์ปิดลบหลัง"ทรัมป์"ขู่ชัตดาวน์หน่วยงานสหรัฐ วิตกทิศทาง Brexit

-"เยลเลน"เตือนเกิดวิกฤตการเงินรอบใหม่ เหตุมีการลดกฎระเบียบควบคุมตลาด

+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 2.83 แสนล้านบาท ค่าเงินบาท 32.80 บาท/US

คาดวันนี้ดัชนี SET มีโอกาสดีดตัวจากประเด็นคลายกังวลสงครามการค้าสหรัฐฯ และจีน หลังจีนเตรียมลดอัตราภาษีรถยนต์สหรัฐเหลือ 15% จากปัจจุบัน 40% แต่ยังมีปัจจัยกดดันจากใกล้ช่วงวันหยุดยาวที่ทำให้วอลุ่มมีแนวโน้มแผ่วลง คาดดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,630-1,650 จุด

กลยุทธ์การลงทุน  

- ตลท.ประกาศทบทวนรายชื่อหุ้นใหม่มีผล 24 ธ.ค. ดัชนี FTSE SET Large Cap Index  ได้แก่ GULF  ส่วนดัชนี FTSE SET Mid Cap Index ได้แก่ AEONTS OSP THANI TU

- GYT HFT IRC NDR SE-ED COL มาตรการช็อปช่วยชาติ ยางรถ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์

- CPALL MAKRO BJC ลุ้นมาตรการช็อปตรุษจีน

- 14 ธ.ค. ประกาศผลรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน CK STEC

- Low Beta High Dividend ASK TISCO KKP TOP TKS

- หุ้น Theme EEC play : AMATA, WHA, EASTW, ATP30, ORI

-  หุ้นเข้าใหม่มีผล 24 ธ.ค. ดัชนี FTSE SET Large Cap Index = GULF

    ดัชนี FTSE SET Mid Cap Index = AEONTS OSP THANI TU

หุ้นแนะนำพิเศษ

GPI (ราคาปิด 2.28 "ซื้อเก็งกำไร")

  • บริษัทได้เซ็น MOU เป็นผู้จัดงานมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 1 ในเมียนมาร์ ช่วง 23 – 27 ม.ค. 62 ซึ่งจะเป็นงานมหกรรมแสดงยานยนต์ขนาดใหญ่ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกของประเทศเมียนมาร์  จากก่อนหน้านี้ที่ได้ชะลอการจัดงาน (กรอบการจัดงานเดิมอยู่ในเดือนก.ค. 2561) เนื่องจากต้องการรอความพร้อมด้านสถานที่การจัดงานที่ปัจจุบันสร้างเสร็จแล้ว ทั้งนี้การจัดงานมอเตอร์โชว์ที่เมียนมาร์เป็นจุดเริ่มต้นของการโชว์ศักยภาพในการได้จัดงานต่อเนื่อง  ทั้งนี้เมืองย่างกุ้งสถานที่จัดงานเป็น Exhibition Hall ที่ทันสมัย อยู่ห่างจากสนามบินราว 20 ก.ม.  งานดังกล่าวสอดรับกับแนวโน้มการเติบโตของตลาดรถยนต์ในเมียนมาที่อยู่ในช่วงเริ่มขยายตัว
  • งวด 9M61 มีกำไรสุทธิ 176 ลบ. +11% (1Q61 กำไร 119 ลบ. +26%YoY, 2Q61 กำไร 90 ลบ. -2%YoY, 3Q61 ขาดทุน 33 ลบ. +16%YoY )
  • ความเห็น เป็นข่าวดีที่สะท้อนถึงโอกาสในการจัดงานของ GPI ต่อเนื่องในอนาคตเนื่องจากงานมอเตอร์โชว์ในเมียนมาร์มีแผนจัดปีละ 2 ครั้ง จะช่วยหนุนผลการดำเนินงานให้พลิกมีกำไรในช่วงที่ไม่มีการจัดงานมอเตอร์โชว์ในประเทศไทย และเสริมฐานะกระแสเงินสดให้แข็งแกร่งจากเงินมัดจำรับล่วงหน้าจากผู้เช่าก่อนการจัดงาน 3 - 6 เดือน

หุ้นมีข่าว   

NPPG Analyst Meeting : มุมมอง Neutral แนะนำ "Wait & See"

·      ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปีขาดทุนมาตลอด ปัจจุบันได้มีการปรับโครงสร้างใหม่เพิ่งเปิดตัวผู้บริหารใหม่ "เชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์" ที่เป็นมืออาชีพด้านการบริหาร และมีแผนปรับปรุงผลการดำเนินงาน งวด 9M61 ขาดทุน 122 ลบ. ลดลง 12% จากขาดทุน 138 ลบ.ในงวด 9M60 เนื่องจากธุรกิจหลักด้านบรรจุภัณฑ์มีมาร์จิ้นต่ำและการเติบโตของรายได้กลับหดตัว โดยมียอดขาดทุนสะสม 600 ลบ. (มีต่อ)

·      ผู้บริหารชี้แจงแนวทางแก้ไขการดำเนินงานด้วยการควบคุมคชจ. ลดการลงทุนที่ไม่ทำกำไรและไม่ใช่ธุรกิจหลัก การเพิ่มรายได้ในธุรกิจที่มีศักยภาพได้แก่ธุรกิจอาหารแช่แข็งและธุรกิจร้านอาหารจานด่วน (A&W, Kitchen Plus, Dean & Deluca, ข้าวแกงบ้านครัวไทย) ซึ่งมีแผนขยายสาขาที่สร้างผลกำไรยุบสาขาที่ขาดทุนเพื่อลดภาวะขาดทุนและหาพันธมิตรเพิ่ม ผู้บริหารตั้งเป้าพลิกกลับมีกำไรในปี 62 โดยตั้งเป้ารายได้ปี 62 เติบโต 10 - 15% เป็น 1,450 ลบ. (มีต่อ)

·      ความเห็น ผลการดำเนินงานปีนี้น่าจะขาดทุนน้อยกว่าปี 60 ที่ขาดทุน 368 ลบ.หลังปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ เน้นการทำกำไรให้มากขึ้น อย่างไรก็ดี การพลิกฟื้นธุรกิจให้พลิกกลับมีกำไรยังต้องใช้เวลาพิสูจน์ และต้องติดตามพัฒนาการว่าเป็นไปในทิศทางที่ดีและต่อเนื่อง

·      ประเด็นบวกกลุ่มรับเหมา รฟท. เปิดซองข้อเสนอด้านราคารถไฟเชื่อม 3 สนามบิน คาดประกาศผล 14 ธ.ค. ก่อนเดินหน้าเจรจาต่อรอง คาดได้ผู้ชนะประมูล ม.ค.62 ขณะที่ PPP คาดโครงการมอเตอร์เวย์นครปฐม-ชะอำ มูลค่าราว 8 หมื่นลบ.เสนอครม.ภายในเดือนธ.ค.นี้ อย่างไรก็ตามตีกลับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ให้ไปหารูปแบบลงทุน-แหล่งเงินที่เหมาะสม

·      +DEMCO ได้งานสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 230 kV ของกฟผ.มูลค่า 404 ลบ.-ประมูลงานใหม่ใน-ตปท. ดัน Backlog เพิ่ม

·      บอร์ด "กกพ." คงมติเดิม ไม่อนุมัติให้ GPSC ซื้อหุ้น GLOW เตรียมประกาศผลอย่างเป็นทางการวันที่ 13 ธ.ค.นี้ ชี้พิจารณาแล้วเข้าข่ายผูกขาด เหตุมีผู้ประกอบการรายใหญ่ในพื้นที่มาบตาพุดเพียง 2 ราย คือ GPSC และ GLOW(ที่มาข่าวหุ้น)

·      + LIT (ราคาปิด 6.45 ซื้อ ราคาเหมาะสม 11) ลงนามสัญญาเช่าซื้อ Hire Purchase ในโครงการบริการระบบเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ  (ATM) มูลค่า 108.03 ลบ.ระยะเวลา 1.5 ปี

·      ความเห็น การเซ็นสัญญาดังกล่าวช่วยเพิ่ม backlog ให้เติบโตต่อเนื่องหนุนการเติบโตของรายได้ในอนาคต ฝ่ายวิจัยประมาณกำไรปี 2561 ราว 150 ล้านบาท เติบโต 3% งวด 9M61 มีกำไรสุทธิ 115 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% โดยคิดเป็น 77% ของประมาณการทั้งปี

·      PDI ปรับโครงสร้างธุรกิจ เล็งจำหน่ายสินทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้งานแล้วจากธุรกิจสังกะสี รวมถึงที่ดินในจังหวัดระยอง คาดว่าจะมีการสรุปชัดเจนในช่วงกลางปี 2562 ลั่นสถานะการเงินแข็งแกร่งมีกระแสเงินสดพร้อมลงทุนไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาท ลั่นปีหน้าพลิกมีกำไร-ฐานะการเงินแกร่ง (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      ITEL เผย"กิจการค้าร่วมอินเตอร์ลิ้งค์ และ ไอซีเอ็น"ชนะประมูลงานกฟน. มูลค่า 414.36 ลบ.ทั้งนี้ การแบ่งสัดส่วนการดำเนินโครงการของ ITEL จะมีมูลค่างานทั้งสิ้น 276.4 ลบ. และสัดส่วนการดำเนินโครงการของ ICN มีมูลค่างานทั้งสิ้น 137.96 ลบ. คาดเซ็นสัญญาธ.ค.นี้ (ที่มา : IQ)

·      +BIZ  ตั้งเป้ายอดขายปี 2562 โต 10% เปิดกระเป๋ารับทรัพย์ธุรกิจใหม่เพิ่ม คาดมีสัดส่วนอยู่ที่ 10-15% ของยอดขายรวมทั้งหมด ตุนแบ็กล็อกเต็มหน้าตัก 1.4 พันล้านบาท เตรียมบุ๊กเข้าพอร์ตไตรมาส 4 นี้บางส่วน(ที่มา ทันหุ้น)   

·      TICON จะเพิ่มทุน 1.1 พันล้านหุ้น ขาย RO-PO-PP พร้อมออกหุ้นกู้รองรับขยายธุรกิจ-คืนหนี้ และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็นบมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) และใช้ชื่อย่อว่า "FPT"