“อภิศักดิ์”ชี้เลือกตั้งปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจปีหน้า

“อภิศักดิ์”ชี้เลือกตั้งปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจปีหน้า

รัฐมนตรีคลังระบุ เศรษฐกิจไทยปีหน้าจะเผชิญปัจจัยเสี่ยงหลัก 3 ด้าน คือ การเลือกตั้งรัฐบาลใหม่ในปีหน้า สงครามการค้าจีนสหรัฐ และอัตราดอกเบี้ยในประเทศที่จะปรับเพิ่ม ยันภาพรวมจีดีพีจะโตต่อเนื่องราว 4%

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวปาฐกถาหัวข้อทิศทางเศรษฐกิจไทยในปีเลือกตั้ง 2562จัดโดยสมาคมนิสิตเก่าวิศวกรรมศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยว่า เศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงหลักใน 3 ด้าน คือ การเลือกตั้งรัฐบาลใหม่ในปีหน้า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน และ การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย แต่โดยรวมแล้ว ภาพรวมจีดีพียังขยายตัวได้ต่อเนื่อง แต่จะน้อยกว่าปีนี้ โดยคาดจีดีพีจะขยายตัวได้ที่ราว 4%
กรณีการเลือกตั้งรัฐบาลใหม่ในปีหน้านั้น เท่าที่คุยกับนักลงทุนนั้นพบว่า สิ่งที่เขาห่วง คือ เขากลัวความไม่สงบจะเกิดขึ้นอีก ฉะนั้น ก็ทำให้หลายคนบอกว่า ต้องรอดูก่อนว่าจะสงบไหม จึงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ แต่กรณีนักลงทุนไทยนั้น เชื่อว่า ยังจะตัดสินใจลงทุนอยู่
สำหรับปัจจัยเสี่ยงด้านสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน นักเศรษฐศาสตร์กระทรวงการคลังมีความเห็นว่า ปัญหาดังกล่าวจะเริ่มส่งผลกระทบต่อทั่วโลกมากขึ้น กระทบต่อการส่งออก มีคนศึกษาว่า วงจรเศรษฐกิจลงและก็ขึ้นใช้เวลาประมาณ 10 ปี กรณีของไทยนั้น เราขยายตัวสูงสุดไปแล้วในช่วงไตรมาส 1 และ 2 ซึ่งเป็นช่วงที่การส่งออกขยายตัวได้กว่า 10% และขณะนี้ กำลังลง
“กรณีปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนนั้น จะไม่จบลงอย่างง่าย เพราะจุดประสงค์ของสงครามไม่ใช่เรื่องการค้า แต่เป็นเรื่องของการความต้องการของสองประเทศที่ไม่ต้องการให้ใครมีอำนาจเหนือตัวเองหรือดีเท่าตัวเอง ฉะนั้น จะเกิดเรื่องขึ้นมาตลอด ฉะนั้น เรื่องนี้ จะไม่จบง่ายๆ”
ส่วนปัจจัยเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยนั้น เขากล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นแน่ เพราะสหรัฐจะดึงเงินกลับ เมื่อดึงเงินกลับ อัตราดอกเบี้ยก็จะปรับเพิ่ม สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น ผลที่ตามมา เงินจะเริ่มไหลกลับ แน่นอน เงินถูกๆในโลกจะน้อยลง แต่ประเทศไทยโชคดี สิ่งที่เราบริหารจัดการ ทำให้เราเองได้รับการWeightการลงทุนในระดับทริบเปิล A ฉะนั้น เราจะเป็นคนสุดท้ายที่ถูกทิ้ง แต่อย่างไรก็ถูกทิ้งแน่
“อัตราดอกเบี้ยในอเมริกาสูงกว่าไทย แต่เรายังอยู่ได้ ยังมีเงินไหลเข้าอยู่ แต่จากเหตุผลดังกล่าว ฉะนั้น ปีหน้า เราคงเจอปัญหาเรื่องดอกเบี้ยปรับขึ้น”