ปัญหาการผลิตน้ำมันลิเบียหนุนราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น

ปัญหาการผลิตน้ำมันลิเบียหนุนราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว15 ชาติสมาชิกโอเปคเห็นพ้องปรับลดการผลิตน้ำมัน 800,000 บาร์เรล/วัน ขณะที่ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปคปรับลดการผลิต 400,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งทำให้มีการปรับลดกำลังการผลิตรวม 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน เริ่มในปีหน้า

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัส  ปิดตลาดวันอังคาร (11ธ.ค.)ตามเวลาสหรัฐ ปรับตัวขึ้น 1.3% จากปัจจัยหนุนคือการการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ และปัญหาในการผลิตน้ำมันของลิเบีย

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนม.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น  65 เซนต์  หรือ 1.3%  ปิดที่ราคา 51.65 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่มขึ้น 23 เซนต์  ปิดตลาดที่ราคา 60.20 ดอลลาร์/บาร์เรล 

ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงในวันนี้ เพิ่มความน่าดึงดูดของสัญญาน้ำมัน ทำให้สัญญามีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น โดยดอลลาร์อ่อนค่าในช่วงล่างของกรอบ 113 เยน เพราะถูกกดดันจากการปรับตัวลงของตลาดหุ้นโตเกียว รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (เบร็กซิท)

ขณะที่ลิเบีย เผชิญปัญหาการผลิตน้ำมันครั้งใหญ่ หลังจากที่กลุ่มติดอาวุธได้เข้ายึดบ่อน้ำมันชารารา ซึ่งเป็นบ่อน้ำมันที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ

นักวิเคราะห์จากแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะดีดตัวขึ้นในปีหน้า โดยมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล

“ราคาจะปรับตัวผันผวนอย่างมากในอนาคตอันใกล้ แต่เรามีความมั่นใจในราคาน้ำมันในปีหน้า” นายฮูตัน ยาซารี หัวหน้านักวิเคราะห์ของแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ กล่าวและว่า ราคาน้ำมันจะกลับไปมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 70 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีหน้า และจะดีดตัวขึ้นในไตรมาส 2

นอกจากนี้ เขายังกล่าวว่า การปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ถือว่าเพียงพอ ซึ่งจะสร้างความสมดุลต่อตลาดน้ำมัน และทำให้สต็อกน้ำมันมีเสถียรภาพในปีหน้า