เปิดใจ 'เดือนเต็มดวง' ซบพปชร. สู้ศึกเลือกตั้งเขต5เชียงใหม่

เปิดใจ 'เดือนเต็มดวง' ซบพปชร. สู้ศึกเลือกตั้งเขต5เชียงใหม่

ร.อ.(หญิง) ดร.เดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ ทายาทนักการเมืองดัง เลือกพรรคพลังประชารัฐ สู้ศึกเลือกตั้งเขต5เชียงใหม่ ชนกับ "สมพงษ์ อมรวิวัฒน์"

ห่างหายจากเวทีการเมืองไปสักพักใหญ่ สำหรับ “ดร.แป้ง” ร.อ. (หญิง) ดร.เดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลนครเชียงใหม่ ที่ถูกศาลปกครองสูงสุดมีคำวินิจฉัยเรื่องการขาดคุณสมบัติการเป็นผู้สมัครเนื่องจากตาม พ.ร.บ.ภาษีโรงเรือน พ.ศ.2475 บัญญัติว่าเจ้าของโรงเรือนหรือสิ่งก่อสร้างจะต้องเป็นผู้เสียภาษีให้กับท้องถิ่น ดังนั้นการที่เจ้าตัวได้เช่าโรงเรือนและเสียภาษีแทนเจ้าของ แล้วใช้หลักฐานการเสียภาษีโรงเรือนมาอ้างคุณสมบัติในการสมัครเลือกตั้ง จึงไม่สามารถใช้ได้ ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นคณะทำงานที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร)

ล่าสุดลูกสาวของ “ธวัชวงศ์ -กิ่งกาญจน์ ณ เชียงใหม่” อดีตรัฐมนตรีและส.ส.ชื่อดัง ได้ผละจากพรรคประชาธิปัตย์ มาซบพรรคพลังประชารัฐ เพื่อสู้ศึกเลือกตั้ง ส.ส.เชียงใหม่ เขต 5 (อ.แม่ริม อ.กัลยาณิวัฒนา อ.สะเมิง อ.แม่แตง) ซึ่งจะชนกับนักการเมืองรุ่นลายคราม อย่าง สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีหลายกระทรวง ที่ตัดสินใจทิ้งเก้าอี้หัวหน้าพรรคเพื่อธรรมหมาดๆทำให้เขตนี้ เผ็ดร้อนทันที

ร.อ.(หญิง)ดร.เดือนเต็มดวง กล่าวว่าปัจจุบันได้เข้ามาทำงานร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ โดยออกรณรงค์พบกับประชาชนชาวเชียงใหม่ ให้เข้ามาสมัครสมาชิกพรรค โดยการเข้าไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวนโยบายของรัฐบาลในเรื่องต่างๆ และความสำคัญของการเลือกตั้ง เพื่อรณรงค์ให้เกิดประชาธิปไตยขึ้นในทุกระดับ โดยพยายามออกไปพบประชาชนในหลายๆ พื้นที่ โดยเฉพาะในเขต อ.แม่ริม อ.แม่แตง อ.กัลยาณิวัฒนา อ.สะเมิง

ทั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐ แม้ว่าจะเป็นพรรคที่ตั้งขึ้นมาใหม่ แต่เป็นพรรคที่ได้รวบรวมบุคคลที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองเข้ามาอยู่รวมกัน โดยมีความมุ่งมั่นเห็นถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ โดยพรรคได้ประกาศจุดยืนคือเป็นพรรคที่ไม่มีสาขาและสนับสนุนนโยบายที่เดินหน้าเพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริง การตัดสินใจเข้ามาเป็นสมาชิกพรรค เพราะมีอุดมการณ์เดียวกัน คือ ต้องการทำให้ประเทศเดินหน้าไปสู่รัฐสวัสดิการ

โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำให้ประชาชนทุกระดับมีความเป็นอยู่ได้อย่างพอเพียง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสวัสดิการแห่งรัฐ มีความจำเป็นพื้นฐานพอเพียงในการดำรงชีวิต เพราะสิ่งเหล่านี้มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ประเทศพัฒนาเดินหน้าไปได้

ปัจจุบันมีคนรุ่นใหม่ก้าวเข้ามาให้ความสนใจเข้ามาทำงานทางการเมืองเพิ่มมากขึ้น การเป็นนักการเมือง คือตัวแทนของพี่น้องประชาชนในทุกเพศ ทุกวัย ทุกสาขาอาชีพ เมื่อมีคนรุ่นใหม่เสนอตัวเข้ามาทำงานทางการเมืองมากขึ้น จะทำให้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนได้มากขึ้น สะท้อนความคิดเห็นและทำงานเพื่อเป็นตัวแทนของประชาชนได้มากขึ้น ประกอบกับการที่มีคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานทางการเมือง สอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาลด้วย เพราะปัจจุบันมีเรื่องเทคโนโลยี ข้อมูลข่าวสารเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันมากขึ้น เชื่อว่าการหาเสียงในรูปแบบใหม่จะเกิดขึ้นมาอย่างแน่นอน

ดังนั้นผู้ที่จะลงสมัคร ส.ส. พรรคการเมืองจะต้องมีอุดมการณ์ที่ชัดเจน ซึ่งไม่สามารถปิดกั้นหรือปิดความลับได้ เนื่องจากเทคโนโลยีปัจจุบันมีความทันสมัย ข่าวสารกระจายได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความโปร่งใส และเข้าถึงข้อมูลของประชาชนได้ดีขึ้น การตัดสินใจที่จะเลือกใครเข้ามาทำงานเป็นตัวแทนของประชาชนในการบริหารประเทศนั้นจะทำได้ง่ายขึ้น ผ่านการตัดสินใจจากข้อมูลข่าวสารที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น

สำหรับอนาคตของประเทศไทยหลังจากที่มีการเลือกตั้งแล้ว เชื่อว่าจะสว่างไสวดีขึ้น เพราะที่ผ่านมาความขัดแย้งต่างๆ ในสังคมไทยลดลงมากแล้ว ตอนนี้ประเทศไทยพร้อมที่จะเข้าสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน หลังจากการเลือกตั้ง ประชาชนจะมีตัวแทนของตัวเองเพื่อเข้าไปพูดถึงความต้องการความคิดเห็นในการพัฒนาประเทศ การพัฒนาประเทศภายใต้รัฐบาลใหม่คงจะเป็นการพัฒนาที่ถูกใจประชาชน และเป็นการเดินหน้าด้านความสามัคคีไปพร้อมกันทั้งประเทศ