รวบแขกอิหร่าน หลอกนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ขนไอซ์รูปแบบใหม่

 เมื่อเวลา 11.40น. วันที่ 10 ธันวาคม 2561 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการ สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ , พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รอง ผบช.สตม. ,พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 ,พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม. และนายซาชิโอะ ฮิกาชิอุระ เลขานุการโทและกงศุลสถานทูตญี่ปุ่น พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สตม. , ตำรวจท่องเที่ยว ชุด ศปอส.ตร. ร่วมแถลงผลจับกุม นายมูฮัมหมัด อาลี อีซาซี่ ผู้ต้องหาชาวอิหร่าน พร้อมของกลางไอซ์ 3.65 กิโลกรัม และเสื้อผ้าชุบสารละลายไอซ์ น้ำหนัก 5.8 กิโลกรัม หลังได้รับแจ้งจากนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นว่า ได้รับกระเป๋าบรรจุของกลางดังกล่าวจากผู้ต้องหา โดยให้นำเดินทางติดตัวไปด้วย

  

พล.ต.ต.อิทธิพล กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ได้แจ้งเหตุพบนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นรายหนึ่งถูกหลอกให้ไปร่วมโปรแกรมเที่ยวฟรีผ่านเว็บไซต์แห่งหนึ่ง ซึ่งระบุเส้นทางประเทศไทย กรุงเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน และสิ้นสุดปลายทางที่กรุงแฟรงเฟิร์ต ประเทศเยอรมนี โดยขนวัตถุต้องสงสัย พร้อมให้เงินค่าใช้จ่ายกว่า 2 แสนบาท ต่อมานักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นได้เปิดกระเป๋าพบเสื้อผ้าลักษณะแข็งผิดปกติ จึงประสานเจ้าหน้าที่สถานทูต ก่อนที่กองบังคับการสืบสวน สตม. จะวางแผนให้เจ้าของมาเข้ารับกระเป๋าเดินทางกลับไป

 

ต่อมาในเวลา 20.00น. วันเดียวกัน ได้มีนายมูฮัมหมัด อาลั อีซาซี่ ชาวอิหร่าน อายุ 43 ปี ผู้ต้องหาซึ่งเป็นเจ้าของกระเป๋าใบดังกล่าว ได้ติดต่อขอเข้ารับคืน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวและเข้าจับกุม เมื่อตรวจค้นภายในกระเป๋าพบเสื้อผ้าแข็งจากการชุบสารเสพติดบรรจุในถุงพลาสติกใส 4 ห่อ ซึ่งเป็นวิธีซุกซ่อนยาเสพติดที่พบเป็นครั้งที่สองในประเทศไทย นอกจากนี้ยังพบไอซ์ชนิดเกล็ดขาว ห่อกระดาษคาร์บอนดำ 6 ห่อ ซุกซ่อนอยู่ในผนังกระเป๋า เจ้าหน้าที่จึงทำการขยายผล

 

จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดและเอกสารต่างๆ พร้อมกับเข้าตรวจค้นสถานที่อีก 2 จุด คือ ห้องพักคอนโดมิเนียมใน ซ.พัฒนาการ42 แขวงและเขตสวนหลวง กรุงเทพฯ พบกระเป๋าลักษณะเดียวกัน 1 ใบ ต่อมาได้ตรวจค้นจุดที่ 2 คือ ห้องพักคอนโดมิเนียม ใน ซ.พัฒนาการ 26 เจ้าหน้าที่ฯ สามารถยึดกระเป๋าแบบเดียวกัน พบไอซ์อีกจำนวน 5 ห่อ น้ำหนักรวม 1.364 กิโลกรัม

 

จากการสอบสวนนายมูฮัมหมัด ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้นำกระเป๋าดังกล่าวไปมอบให้กับนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง โดยร่วมกับเพื่อนชาวอิหร่านและเครือข่ายในประเทศญี่ปุ่น ทำการหลอกลวงเหยื่อให้ไปเที่ยวฟรี โดยจะหลอกให้นำกระเป๋าเดินทางที่ซุกซ่อนยาเสพติดไปตามประเทศเป้าหมายในโซนเอเชีย และยุโรป เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหานายมูฮัมหมัด ว่า “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1(เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย” ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ซึ่งรับผิดชอบในพื้นที่เกิดเหตุ โดยต่อจากนี้จะทำการสืบสวนขยายผลหาเครือข่ายทั้งในไทย และญี่ปุ่นเพื่อทลายเครือข่ายนี้ต่อไป