ปปท.เขต3 จู่โจมตรวจซ้ำนักเรียนผี พบไม่มีตัวตนตามข้อมูล DMC เกือบ 60 คน
ผอ.ปปท.เขต 3 นำเจ้าหน้าที่ ปปท.เขต 3.จู่โจมซ้ำ เข้าตรวจสอบนักเรียนผี ในอ.น้ำยืน จ.อุบลฯ พบนักเรียนไม่มีตัวตนตามข้อมูล DMC เกือบ 60 คน
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พันตำรวจโทสามารถ ไชยณรงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เขต 3.(ผอ.ปปท.เขต 3) เปิดเผยว่า ได้นำเจ้าหน้าที่ ปปท.เขต 3.จู่โจมซ้ำ เข้าตรวจสอบโรงเรียนโดมประดิษฐ์วิทยา อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี สังกัด สพม.29 เพื่อตรวจสอบนักเรียนผี
ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลและตรวจนับจำนวนนักเรียนมีเพียง 460 คน และพบนักเรียนไม่มีตัวตนตามข้อมูล DMC เกือบ 60 คน ซึ่งมีจำนวนแตกต่างจากข้อมูล รายงานยืนยันในระบบ DMC เมื่อ 2559 และ 2560 อย่างเห็นได้ชัด มีการนำรายชื่อนักเรียนจากโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง มากรอกใบสมัครเข้าเรียนแล้วนำเลข 13 หลักมายืนยันข้อมูลบน DMC เพื่ออัพขนาดโรงเรียน โดยที่ตัวนักเรียนยังนั่งเรียนอยู่ที่โรงเรียนเดิม(รร.เดิมก็จะไม่ลงข้อมูลDMC)
มีข้อสังเกตนักเรียนเหล่านี้มีบ้านพักอาศัยห่างจากโรงเรียนโดมประดิษฐ์ถึง 60-80 กม. ซึ่งสังคมสงสัยว่า นร.เหล่านี้มีความจำเป็นขนาดไหนที่ต้องเดินทางไกลมาเรียนโรงเรียนประจำตำบลติดชายแดนเขมรขนาดนั้น ดังนั้นจึงเชื่อว่ามีเจตนาทุจริต รายงานข้อมูลที่เป็นเท็จ เพื่ออัพเดทขนาดโรงเรียนจากขนาดเล็กเป็นโรงเรียนขนาดกลาง จนกระทั่งผู้อำนวยการโรงเรียนได้รับการพิจารณาจาก กศจ.อุบลราชธานี ให้ไปดำรงตำแหน่งโรงเรียนบุณฑริกวิทยาคาร ที่มีปริมาณงานทั้งจำนวนครู นักเรียน และงบประมาณเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่
พ.ต.ท.สามารถ ไชยณรงค์ ผอ.ปปท.เขต 3 กล่าวว่าผู้อำนวยการโรงเรียนโดมประดิษฐ์วิทยา คนปัจจุบันพึ่งย้ายมารับตำแหน่งไม่สามารถรับมอบหมายงานได้เพราะมีปัญหา 1.ข้อมูลนร./การเงิน /พัสดุครุภัณท์ที่ไม่เป็นจริง 2.จำนวนนักเรียนลดลงทันที่จากขนาดกลางเป็นขนาดเล็ก3.ทะเบียนนักเรียนที่จะยืนยันตัวตนนักเรียนที่แท้จริงไม่มี4.ข้อมูลการย้าย-เข้าออกของนักเรียนช่วงปี 2559-2560 ไม่มีให้ตรวจสอบยืนยัน และ5. เงินงบประมาณถูกเบิกจ่ายโดยไม่มีเอกสารการจัดซื้อจ้าง เป็นจำนวน 1 ล้านเศษด้าน
นายเฉลิมเกียรติ แก้วกนก ผอ.โรงเรียนไผ่ใหญ่ศึกษา อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี เปิดเผยว่าได้เดินหน้าตรวจสอบเปิดโปรงกระบวนการทุจริตนักเรียน "ผี" ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 29 ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินการ คือ1.เป็นเจ้าพนักงานของรัฐกระทำหรืองดเว้นกระทำก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นและทางราชการเป็นความผิดตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 152, มาตรา 157 2.จดข้อความอันเป็นเท็จแล้วรายงานเอกสารอันเป็นเท็จเป็นความผิดตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 162 3.เป็นตัวการและผู้สนับสนุนให้เกิดการกระทำผิด มาตรา 83,86 และ 4 .การกระทำดังกล่าวต่างกรรมต่างวาระเป็นความผิดหลายกระทง มาตรา 90,91 เพราะฉะนั้น สพฐ.จึงไม่มีเหตุจูงใจอะไรที่จะ บิดเบือนกฎหมายปกป้องคนกระทำผิด เช่นผู้อำนวยการโรงเรียน ,ผู้รายงานเท็จ หรือ แจ้งเท็จ และ ผู้อำนวยการเขตพื้นที่ และ กศจ.ในฐานะ เป็นเจ้าพนักงานรับรองเอกสารเท็จ
เพราะ ปปท.ภาค 3 ลงมาพื้นที่พบนักเรียนผีในจังหวัดอุบลราชธานี มี 5โรงเรียนได้แก่ โรงเรียนโดมประดิษฐ์วิทยา สังกัด สพม.29 โรงเรียนตาลสุมพัฒนา สังกัด สพม.29 โดรงเรียนสะพือวิทยาคาร สังกัด สพม.29 โรงเรียนนาคสมุทรสงเคราะห์ สังกัด สพป.อุบลราชธานี เขต 5 และโรงเรียนบ้านหนองเหล่า สพป.อุบลราชธานี เขต 1
ซึ่งโรงเรียนทั้ง 5 โรง ผู้บริหารได้ย้ายไปในโรงเรียนที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เมื่อเดือนตุลาคม 2561 โดยการรับรองข้อมูล ของผอ.เขตพื้นที่ (ผอ.สพม.29 ผอ.สพป.อุบล เขต 5 และผอ.สพป.อุบล เขต 1 และเจ้าหน้าที่ผู้จัดทำข้อมูลของเขต ร่วมมือกับทางโรงเรียน ) สังคมสงสัยว่า ทำไม สพฐ.จึงไม่เปิดเผยผลการสืบสวนข้อเท็จ ที่สพฐ.แต่งตั้ง ว่าที่ ร.ต.ทวีศักดิ์ นามศรี ผอ.สพป.ศรีสะเกษ และเป็น ผู้แทนสพฐ.ในกศจ.อุบลราชธานีหรือว่า อาจเป็นเพราะสพฐ.มีเจตนาที่จะช่วยพรรคพวกที่เป็น บิ๊กสพท.ที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดจึงไม่ดำเนินการสืบสวนข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา
วันนี้ข้อมูลนักเรียนผี ของจังหวัดอุบลราชธานี จึงต้องอาศัยข้อมูล จาก ปปท.ภาค3 เท่านั้น แต่สิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้นในการแก้ไขปัญหาของสพฐ.วันนี้ นอกจากจะไม่ตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา โดยการตั้งพรรคพวกของผู้บริหารในสพฐ.มาเป็นประธานสอบแล้ว บิ๊กสพฐ.ยังมีการตั้ง " สายลับ " คอยข่มขู่ ผู้ให้ข้อมูล และทำลายข้อมูลต่าง ๆ ที่ ปปท.ภาค 3 ตรวจพบแล้ว ผู้บริหารโรงเรียน หรือใครที่ให้ข้อมูลที่เป็นจริงก็จะถูกคาดโทษต่าง ๆ นานา
จึงอยากจะฝากถึง ปปช. ปปท.และรมว.ศธ.ผู้มีความตงฉิน ในเรื่องนี้จัดการแก้ไขกระบวนบิดเบือนข้อเท็จจริง ท้าทายนโนบายของรัฐบาลด้วยรายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า ผู้อำนวยการโรงเรียนที่ไม่ได้รับความยุติธรรม จะรวบรวมเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ให้ ปปช.ส่วนกลาง และปปท.ภาค 3 รวมทั้งยื่นให้ รมว.ศธ.และคสช.ดำเนินการ เพราะไม่เชื่อในการแก้ไขปัญหาของ สพฐ.ที่มุ่งปกปิดความผิดของพรรคพวกตนเอง จนทำให้ปัญหาต่าง ๆ ของจังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่สามารถแก้ไขได้ อีกทั้งยังลุกลาม หนักขึ้นเรื่อย ๆ