'ปชป.' หาช่องก.ม.ยับยั้ง ทำบัตรเลือกตั้งไม่มีโลโก้พรรค-ชื่อผู้สมัคร

'ปชป.' หาช่องก.ม.ยับยั้ง ทำบัตรเลือกตั้งไม่มีโลโก้พรรค-ชื่อผู้สมัคร

"โฆษกพรรค" แถลง "ประยุทธ์" ล้มเหลวปฏิรูปทุกด้าน แถมเสนอแนวคิดทำเลือกตั้งป่วน เตือน กกต.ต้องจัดเลือกตั้งบริสุทธิ์ ยุติธรรม เพื่อชาติ พิสูจน์ 4 ปีครึ่งไม่เสียเปล่า

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 9 ธ.ค.61 ที่พรรคประชาธิปัตย์ "นายธนา ชีรวินิจ" โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงข่าวถึงผลการประชุมผู้บริหารพรรคเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า ในการประชุมผู้บริหารเมื่อบ่ายวันที่ 8 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นประธานการประชุมนั้นมีเรื่องพิจารณา 3 ประเด็น 1.การตั้งตัวแทนประจำจังหวัดและสาขาพรรค ซึ่งได้รายงานว่าดำเนินการตั้งตัวแทนประจำจังหวัดและสาขาพรรคครบทุกจังหวัดตามกฎหมายแล้ว 2.การจัดประชุมอดีต ส.ส.ของพรรคทุกคน และคนที่อาจจะเป็นผู้สมัครของพรรค ในวันพรุ่งนี้ (10 ธ.ค.) เวลา 13.00 น. เพื่อแจ้งแนวทางพรรคในการเลืิิอกตั้งที่จะถึงให้ทราบ รวมฟังนโยบายของพรรค และร่วมกันแสดงความคิดเห็นแนวทางและนโยบายของพรรคจะมีส่วนใดเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์มีทั้งนโยบายใหญ่ระดับประเทศ และนโยบายแยกย่อยแต่ละภาคด้วย

3.ให้การรับรองการแต่งตั้งที่ปรึกษาหัวหน้าพรรครวม 6 คน ประกอบด้วย นายชำนิ ศักดิเศรษฐ ด้านการเมืองและบริหาร , คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ด้านวิทยาศาสตร์้ทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม , นายเกียรติ สิทธีอมร ด้านเศรษฐกิจและการต่างประเทศ , นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ด้านสื่อสารสาธารณะและมวลชนสัมพันธ์ , นายถวิล ไพรสณฑ์ ด้านกฎหมาย และนายกนก วงษ์ตระหง่าน ด้านนโยบายสาธารณะ ตามที่นายอภิสิทธิ์ หัวหน้าพรรคเสนอไว้

นอกจากนี้ "โฆษกพรรคประชาธิปัตย์" ยังได้แถลงข่าวการตั้งกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร่วมประชุมพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมาขณะที่มีชื่ิอในบัญชีพรรคการเมืองจะเสนอเป็นนายกฯ และกรณีวิจารณ์บัตรเลือกตั้งที่อาจจะลงเพียงหมายเลข ไม่ลงชื่อผู้สมัครและชื่อพรรคด้วยว่า ขณะนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เคยแถลงไปแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ควรเข้าร่วมประชุมพรรคเพราะมีหลายสถานะ ทั้งผู้นำ คสช. , นายกรัฐมนตรี และอีกสถานะหนึ่งก็มีชื่ออันดับหนึ่งในบัญชีพรรคพลังประชารัฐจะเสนอเป็นนายกฯ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ คงปฏิเสธไม่ได้โดยทุกคนก็ออกมาประกาศอย่างชัดเจนแล้ว ขณะที่ยังมีการนำเสนอประเด็นไม่ควรกำหนดตราพรรคลงในบัตรเลือกตั้ง ซึ่งประเด็นนี้ถือว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงเพราะจะเป็นหนึ่ในชื่อบัญชีผู้สมัครพรรคการเมือง

โดยหลังจากการเสนอไม่กี่ชั่วโมง กกต.ก็สอดรับ นอกจากจะไม่ติดตราพรรคในบัตรเลือกตั้งแล้วยังจะไม่ใส่ชื่ิอผู้สมัครด้วย ดังนั้นบัตรเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในการเลืิอกตั้งวันที่ 24 ก.พ.62 ก็จะเป็นบัตรเลือกตั้งที่ไม่มีในประวัติศาสตร์การเมืองไทย คือที่อาจจะมีเฉพาะช่องหมายเลข และช่องกาบัตรเท่านั้น นับตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.57 ที่พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาบริหารประเทศ จากการรัฐประหาร พล.อ.ประยุทธ์ มีอำนาจสูงสุดในการบริหารจัดการทุกด้านประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งแม่น้ำ 5 สายเพื่อจะวางแนวทางบริหารประเทศหลังจากที่รัฐบาลนี้อ้างว่าจะให้มีการเลือกตั้ง ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เพราะเป็นคนเดียวที่ตั้งแม่น้ำ 5 สาย ทั้งกรรมาธิการร่าง รธน. , สนช. , ครม. และหน่วยงานอื่นๆ ตามที่ได้ปรากฏ สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้บอกมาตลอดเวลาในแนวทางหลักการบริหารตลอดระยะยาว 4 ปีจะปฏิรูปให้ประเทศสู่ประเทศที่มีแต่ความสงบร่มเย็นโดยอ้างการปฏิรูปเศรษฐกิจ แต่วันนี้เห็นชัดแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ปฏิรูประบบเศรษฐกิจของชาติเลย แต่มุ่งเน้นจะทำประชานิยมโดยไม่สร้างเศรษฐกิจที่มั่นคงยั่งยืนให้ประชาชน

"ประชานิยมในบางโอกาสอาจมีควาจำเป็นในลักษณะกระตุ้นเศรษฐกิจแต่การสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนให้ประชาชนเป็นสิ่งสำคัญกว่า และโดยเฉพาะช่วงเลืิอกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเลืิอกจะใช้ประชานิยม และการทำประชานิยมนั้นก้าวล่วงไปถึงช่วงเวลาการเลืิอกตั้งด้วยแสดงว่าช่วงเวลา 4 ปีเศษที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยปฏิรูปเศรษฐกิจตามที่กล่าวไว้"

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า ประเด็นที่ 2 อ้างว่าจะมีการปฏิรูปตำรวจ ขณะนี้การปฏิรูปตำรวจก็ไม่คืบหน้าไปถึงไหนเลยก็อยากตั้งข้อสังเกตุส่วนนี้ไว้ ส่วนการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้นำสูงสุดในการบริหารประเทศ มีอำนาจออกกฎหมาย ท้ายที่สุดตัวท่านเองก็ไม่เคารพแท้กฎหมายที่ออกเอง ดังนั้นการปฏิรูปกฎหมายจึงล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ขณะที่การปฏิรูปการเมือง ตลอดเวลา 4 ปีเศษที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์อ้างมาตลอดว่าระบบการเมืองทำให้ประเทศชาติเสียหาย

ดังนั้นถ้าย้อนกลับไปจะมีกระบวนการทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาในวันนี้มีการวางแผนและเตรียมการมาแล้วอย่างสิ้นเชิง การเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ.62 ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ได้เสนอแนวความคิดในที่ประชุมร่วมพรรคการเมืองที่ตัวเองนั่งเป็นประธานมีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการขององค์กรอิสระมากมายว่าไม่ควรมีตราพรรคการเมืองสำหรับบัตรเลือกตั้ง เรื่องนี้คือสิ่งที่บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ควรเข้าร่วม และต้องถอยห่างจากกระบวนการเลือกตั้งให้มากที่สุดเพราะอาจจะเป็นการก้าวก่ายและแทรกแซงองค์กรอิสระที่จะทำหน้าที่ในการเลือกตั้ง ซึ่งหลังจากนั้น กกต.เองก็สอดรับนโยบายโดยกำหนดไม่ต้องใส่ชื่อผู้สมัครลงในบัตรเลือกตั้งเพิ่มไปอีก

ขณะที่การเลือกตั้งครั้งนี้มีการออกระเบียบที่จะไม่ให้พรรคการเมืองหาเสียงได้อย่างเต็มที่ โดยขณะนี้ก็ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่าแม้กระทั่งรถประชาสัมพันธ์หาเสียงก็จะไม่ให้มี ส่วนการติดป้ายที่ กกต.จะทำก็เป็นลักษณะเป็นป้ายขนาด A4 ป้ายขขนาดใหญ่ที่เคยมีการติดตั้งกันก็ยังไม่รู้ว่าจะอนุญาตให้มีหรือไม่ ดังนั้นสิ่งเหล่านี้จะทำให้ประชาชนสับสนแน่นอน ขณะที่การแบ่งเขตเลือกตั้งก็สร้างความสับสนที่สอดคล้องกับการให้ผู้สมัครำปจับหมายเลขในเขตเลือกตั้งของตัวเองซึ่งหมายเลขก็จะไม่ตรงกัน ก็เป็นการสร้างความสับสนให้กับประชาชนที่จะมาใช้สิทธิเลือกตั้งอย่างแน่นอน

"กกต.มีหน้าที่ต้องทำการเลือกตั้งให้ง่ายที่สุด สับสนน้อยที่สุด ต้องนึกภาพว่าวันเลือกตั้งจะมีผู้สมัครนับร้อยพรรคเสนอตัวให้ประชาชนเลือกแต่ป้ายประชาสัมพันธ์ต่างๆ แทบไม่มี การออกสื่อทีวีถูกจำกัดโดยระเบียบข้อกฎหมาย และเมื่อไปถึงหน่วยเลืิอกตั้งแล้วก็ไม่มีแม้กระทั่งตราของพรรค หรือชื่อผู้สมัคร"

นายธนา โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตั้งข้อสังเกตุอีกว่า การเลืิกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการเลืิอก ส.ส.เขตอย่างเดียว แต่ในรัฐธรรมนูญฯ ดำหนดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งบัตรใบเดียวแต่ให้หมายถึงบัญชีรายชื่ิอ ซึ่งบัญรายชื่อก็มาจากบัญชีของพรรคการเมืองที่จะเสนอต่อประชาชนโดยจะคิดคะแนนรวมจากทั้งประเทศที่ว่สเมื่ิอได้จำนวน ส.ส.เขตเท่าใดแล้ว ส่วนที่เหลือจึงเป็นบัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็นประเด็นข้อกฎหมายและเป็นประเด็นที่ท้าทายกฎหมายรัฐธรรมนูญอย่างมากเพราะคนที่เป็นผู้สมัครบัญชีรายชื่อแทบจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องการลงคะแนนเลืิอกตั้งครั้งนี้เลย ดังนั้นอยากเรียนถึงพล.อ.ประยุทธ์ว่า สิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์เคยตั้งข้อสังเกตุไว้ตอนนี้เป็นจริงแล้วเมื่ิอท่านเข้าร่วมในวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา

"ขอเรียกร้อง กกต.ที่มีหน้าที่ ทำการเลืิอกตั้งให้บริสุทธิ์ ยุติธรรม ให้ประชาชนสะดวกที่สุดที่จะมาใช้สิทธิเลือกตั้ง และการเลือกตั้งเมื่ิอกาบาทแล้วต้องไม่เกิดความสับสน หรือกาบัตรผิด แต่ด้วยวิธีการที่ปรากฏในขณะนี้ส่งเสริมให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปอย่างที่กล่าว ดังนั้นขอให้ กกต.ตั้งหลักให้ดี พิจารณาให้ดี อย่าคิดแต่เพียงว่าตัวเองจะทำงานลำบากเพราะชื่อผู้สมัครและเลขไม่ตรงกัน ถ้าคิดเพียงเท่านี้แล้วก็สรุปมาว่าไม่ต้องมีตราพรรค และชื่อผู้สมัคร ผมคิดว่าเป็นการคิดที่ไม่ได้บริหารจัดการเท่าที่ควร และต้องนึกถึงประโยชน์ของประเทศมากกว่าปัญหาอุปสรรคในการทำงานของ กกต. และถ้า กกต.ไม่สามารถบริหารจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ ยุติธรรมได้ 4 ปีครึ่งที่ผ่านมาจะเป็นการสูญเสียทั้งทรัพยากรและงบประมาณของแผ่นดินอย่างสิ้นเชิง "

ทั้งนี้ "โฆษกพรรคประชาธิปัตย์" ยังตอบคำถามสื่อด้วยว่า ขณะทีมกฎหมายของประชาธิปัตย์ก็กำลังพิจารณาเรื่องนี้อย่างเต็มที่ว่าจะมีช่องทางใดที่จะยับยั้งเรื่องที่ทำให้การเลือกตั้งมีปัญหา โดยเราจะดูกฎหมายอย่างรอบด้านทั้งกฎหมายระเบียบ กกต. และที่สำคัญคือรัญธรรมนูญ โดยน่าจะทราบผลภายในเร็ววันนี้ก็จะแจ้งให้ประชุมพรรคทราบอีกครั้ง โดยแม้ว่าขณะนี้ กกต.ยังไม่ได้มีมติชัดเจน แต่เราจะทำคู่ขนานไปกับ กกต.เลย และที่เราดำเนินการก็ไม่ใช่เพียงประเด็นการได้เปรียบเสียเปรียบ แต่เราทองว่าประชาชนที่จะมาใช้สิทธิเลือกตั้ง จะสับสนมากซึ่งทั้งคนแก่และคนที่อาจอ่านหนังสือไม่ออก ถ้าสับสนมากคนอาจจะไม่อยากมากใช้สิทธิ โดยการเลือกตั้งควรที่ กกต.จะทำให้คนออกมาใช้สิทธิมากที่สุด นี่คือการบั่นทอนสถาบันพรรคการเมืองที่สุด ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนที่จะไม่มีตราพรรคและชื่อผู้สมัคร อย่างต่างประเทศก็ไม่น่าจะมีที่จะไม่มีชื่อผู้สมัคร ถ้าคิดว่าห่วงว่าการจะทำบัตรเฉพาะหมายเลขไว้เผื่อการสำรองได้ ก็ห่วงว่าจะมีบัตรผีหรือไม่ ทั้งที่การพิมพ์บัตรก็มีงบประมาณอยู่แล้ว