แนะรีบแก้ปัญหาเหลื่อมล้ำ จี้รัฐเร่งปลดล็อก หลัง'เเอมเนสตี้'เรียกร้อง

แนะรีบแก้ปัญหาเหลื่อมล้ำ จี้รัฐเร่งปลดล็อก หลัง'เเอมเนสตี้'เรียกร้อง

"เพื่อชาติ" โต้รัฐบาลควรระดมสมอง เร่งรีบแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ จี้รัฐเร่งปลดล็อกตามที่ "เเอมเนสตี้" ประกาศเรียกร้อง

นางสาวเกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวถึงกรณีที่นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีที่รายงานของ Global Wealth Report 2018 ว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำสูงที่สุดในโลก ว่าข้อมูลที่รายงานฉบับนี้นำมาอ้างอิงเป็นข้อมูลเก่าตั้งแต่ปี 2549 แล้วพยายามนำมาเชื่อมโยงกับข้อมูลบางส่วนของปีปัจจุบัน ทำให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนไม่สมบูรณ์และขาดความน่าเชื่อถือ ซึ่งถ้าโฆษกประจำสำนายกรัฐมนตรีมีจิตใจเป็นประชาธิปไตย ยอมรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง จะไม่ออกมาชี้แจงเช่นนี้

โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวต่อว่า ถ้ามีการรายงานข้อมูลออกมาเช่นนี้ รวมทั้งสถานการณ์สภาพเศรษฐกิจในประเทศก็บ่งชี้ว่าเครื่องจักรการบริโภคในประเทศได้หยุดทำงานมานานพอสมควรแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลในรายงาน โฆษกประจำสำนายกรัฐมนตรีควรออกมาขอบคุณที่รายงานนี้ชี้ให้เห็นปัญหาที่ต้องระดมสมองเร่งรีบแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจที่เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ แทนที่มาชี้แจงดิสเครดิตทำลายความน่าเชื่อถือของรายงาน ของ Global Wealth Report 2018ทำให้สรุปได้ว่าโฆษกประจำสำนายกรัฐมนตรีมีแนวคิดเป็นเผด็จการอย่างแท้จริง เพราะไม่สามารถยอมรับความคิดเห็นหรือรายงานการศึกษาของผู้อื่นได้เลย

ดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ ได้แสดงความคิดเห็นต่อกรณี สำนักงานเลขาธิการใหญ่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักรแถลงเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 3561 ว่าทางการไทยต้องยกเลิกมาตรการที่จำกัดสิทธิมนุษยชน และการเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างสงบ รวมทั้งถอนฟ้องคดีต่อผู้วิพากษ์วิจารณ์อย่างสงบ และต้องยกเลิกคำตัดสินว่าบุคคลเหล่านี้มีความผิดโดยทันที ก่อนการเลือกตั้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 เนื่องจากรัฐบาลทหารไทยเคยให้สัญญาที่จะยกเลิกมาตรการจำกัดสิทธิเหล่านี้เพื่อเตรียมการตามโรดแมปสู่การเลือกตั้ง แต่จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลทหารแทบไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ที่เป็นไปตามคำสัญญานั้นเลย

สำหรับถ้อยแถลงของแอมเนสตี้ประเด็นนี้ รองโฆษกพรรคเพื่อชาติเห็นว่ารัฐบาลไทยควรรับฟังและควรรักษาคำพูดที่เคยรับปากไว้กับประชาคมโลก

รองโฆษกพรรคเพื่อชาติกล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญที่สุดในการเป็นผู้บริหารประเทศคือการรักษาคำพูด ถ้ารัฐบาลใดไม่สามารถรักษาคำพูดหรือสัญญาประชาคมที่รับปากไว้ได้ รัฐบาลนั้นก็หมดความน่าเชื่อถือ ไร้ราคาในสายตาประชาคมโลก ซึ่งเป็นการทำร้ายชาติบ้านเมืองวิธีหนึ่ง

ในกรณีที่แอมเนสตี้เรียกร้องคือสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย ถ้ารัฐบาล คสช. จริงใจต้องการให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยในสายตาประชาคมโลก และมั่นใจว่าสิ่งที่รัฐบาลบริหารมา 4 ปีกว่า เป็นสิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศชื่นชมยินดี รัฐบาล คสช. จะคงมาตรการจำกัดสิทธิพลเมืองเหล่านี้ รวมทั้งคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 3/2558 ที่เกี่ยวข้องกับเสรีภาพในการแสดงออก การชุมนุมอย่างสงบ และการสมาคมไว้เพื่อปกป้องตนเองจากการวิพากษ์วิจารณ์ทำไม รองโฆษกพรรคเพื่อชาติกล่าวทิ้งท้าย

รวมถึงกรณีที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาประกาศถึง โร้ดแมปเลือกตั้งที่แน่นอน มีการวางแผนการประกาศปลดล็อคการเมืองในวันที่ 20 ธันวาคม รวมถึงจะมีการยกเลิก ประกาศ คำสั่ง คสช. 9 ฉบับนั้น ดร.รยุศด์ กล่าวว่า ตนเฝ้ารอชมว่า ประกาศ คำสั่งเหล่านั้น ว่าจะมีฉบับใดบ้าง จะมีประกาศ คำสั่งคสช.ฉบับที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน ละเมิดเสรีภาพการแสดงออกของประชาชน เสรีภาพสื่อ ด้วยหรือไม่ อาทิ คำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 นั้น จะมีการยกเลิกด้วยหรือไม่ เนื่องด้วย ประกาศ คำสั่งเหล่านี้ ออกมาเพื่อควบคุมสถานการณ์ทางการเมือง เมื่อไม่มีปรากฎการณ์ต่อต้าน รวมถึงประเทศกำลังเดินหน้าเข้าสู่ภาวะปกติ ประกาศ คำสั่งเหล่านี้ก็ไม่จำเป็นอีกแล้ว ก็ควรคืนสิทธิเสรีภาพให้กลับสู่ภาวะปกติด้วยเช่นกัน

รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวอีกว่า ในฐานะที่ประเทศกำลังเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง บรรยากาศของบ้านเมืองควรต้องเปิดกว้างให้ประชาชนแสดงความคิดเห็น และทำกิจกรรมทางการเมืองได้อย่างไม่มีข้อจำกัด เพื่อสร้างสังคมที่มีส่วนร่วมกับการปกครองได้อย่างแท้จริง การปลดล็อคที่ว่านี้ ตนก็หวังว่าจะทำให้บรรยากาศการหาเสียงในครั้งนี้ ไม่ต่างจากการหาเสียงเลือกตั้งในครั้งก่อนๆ ทั้งนี้ เพื่อ ประโยชน์สูงสุดของประชาชน ที่จะมีโอกาสได้รับรู้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์กับการเลือกตั้งได้เต็มที่ เพื่อการตัดสินใจเลือกผู้แทนของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด แม้จะเหลือระยะเวลาไม่นาน ในการหาเสียงเลือกตั้งก็ตาม