วอนเห็นใจยังไม่ลาออก ชี้รมว.เจรจาค้าโลก หวั่น5เดือนเกิดสูญญากาศ

วอนเห็นใจยังไม่ลาออก ชี้รมว.เจรจาค้าโลก หวั่น5เดือนเกิดสูญญากาศ

"สนธิรัตน์" วอนเห็นใจลาออกรมต.ยังไม่ชัด เหตุต้องทำหน้าที่รมว.เจรจาตลาดการค้าโลก หวั่น 5 เดือนเกิดสูญญากาศ

ที่พรรคพลังประชารัฐ - นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ถูกสื่อถามถึงความชัดเจน 4 รัฐมนตรีจะลาออกตอนไหนว่า ถ้าหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้ระบุชัดเจนแล้วว่า จะลาออกก็ต่อเมื่องานเสร็จ ทั้งนี้อยากให้ดูพฤตินัยของพวกเราและอยากให้ดูผลงานในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีด้วย ให้ดูว่าการทำงานเราได้ใช้ทรัพยากรของรัฐหรือไม่ ขอให้ดูที่ปัจจุบัน อย่างไรก็ตามอย่ามากังวลใจกับตำแหน่งของพวกตนให้มากนัก ส่วนที่มี เสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะใช้การประชุมครม.สัญจรระหว่างวันที่ 11และ 12 ธันวาคมนี้ลงพื้นที่หาเสียงนั้น ถือเป็นเสียงวิพากย์วิจารณ์ทางการเมือง จะทำอะไรก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งนี้อยากให้ดูเนื้อหา เนื่องจากสิ่งที่เป็นประเด็นทางการเมืองก็มีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน เช่น ครม.สัญจร ให้ลงพื้นที่ไปดูแลประชาชนและทำให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น หากมองว่าเป็นการหาเสียง ซึ่งก็ไม่ใช่ก็ ต้องให้ความเป็นธรรมด้วยขอให้ดูที่ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ

เมื่อถามว่า ความชัดเจนของ 4 รัฐมนตรี จะการลาออกก่อนวันที่ 2 มกราคม 2562 หรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ไม่ต้องกังวลทุกอย่างมีเหตุมีผล เนื่องจากเวลาตนจะตัดสินใจอะไร ต้องคิดให้รอบคอบถ้า หากมองแต่การเมือง การเมืองก็จะให้ตนออก แต่สิ่งที่ตนมองคือจะใช้เวลาต่อจากนี้ทำงานให้เกิดประโยชน์อย่างไร

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ในห้วงนี้ตนใช้เวลาการทำงานส่วนใหญ่ในต่างประเทศแทบทุกอาทิตย์ เนื่องจากขณะนี้ทุกคนทราบดีว่าปัญหาเศรษฐกิจระหว่างประเทศต้องได้รับการทุ่มเทในการแก้ปัญหาการแข่งขันทางการค้าโลก และที่สำคัญเวลาเจรจากับต่างประเทศ ไม่ว่าประเทศใดเขาจะพูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างย่ิงหากเปรียบเทียบกับเวียดนาม หลายประเทศต้องการค้าขายกับเวียดนามมากกว่าไทย เนื่องจากเวียดนามไม่มีเรื่องของภาษีทางการค้า ดังนั้น ตราบใดที่ตนยังอยู่ในตำแหน่งสามารถเจรจาได้ตลอด เพราะไม่เช่นนั้นถ้าตนไม่อยู่เกิดสูญญากาศอีก 5 เดือนแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ตรงนี้คือความลำบากใจของตน ดังนั้นตนถึงพูดอยู่เสมอว่า การตัดสินใจใดๆ ต้องมองหลายปัจจัยอย่ามองที่การเมืองเพียงอย่างเดียว เพราะถ้ามองแบบการเมืองเขาก็ต้องให้ตนออก แต่อีกทางหนึ่งก็ต้องมองด้วยว่า เวลานี้เราอยู่ตรงนี้เป็นประโยชน์หรือไม่

"ผมอยากให้เข้าใจที่พูดอย่างนี้ ถ้าเราออกนั้นมันง่าย แต่ส่ิงที่เราต้องทำนั้นมันมาก บางคนอาจถามว่าแล้วคนอื่นทำไม่ได้เหรอ ก็นี้มันปลายรัฐบาลแล้วจะไปทำอะไร จะให้ปรับครม.อย่างนั้นเหรอ ปรับคนใหม่แล้วจะมีเวลาหรืออย่างไร อันนี้ยกตัวอย่างเพราะเป็นเหตุผลทางการเมือง มาถามผมก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร เพราะตั้งแต่ตั้งพรรคพลังประชารัฐมา ผมมีการใช้ทรัพยากรของรัฐหรือไม่ เพราะทุกวันนี้ลำบากมาก พอ 4 โมงครึ่งเย็นก็ต้องเปลี่ยนรถ เวลา 08.30-16.30 น.ก็ทำการเมืองไม่ได้เลย เมื่อวันที่พรรคประชุมภาคกลาง มาเชิญไปตอนเที่ยง ผมก็บอกว่าผมไปไม่ได้ เพราะเรามองว่าจะต้องทำงานในฐานะรัฐมนตรีให้เกิดประโยชน์ และต้องขับเคลื่อนงานรัฐบาลหลายเรื่อง เช่น เศรษฐกิจฐากราก ซึ่งมาบอกว่าอันนั้นไม่ดีอันนี้ไม่ดี แล้วยังมาไล่ผมอยู่แบบนี้เหรอ" นายสนธิรัตน์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าปัจจัยทำงานให้รัฐบาล ทำให้ต้องคิดมากจะต้องลาออกได้เมื่อไหร่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า อย่างที่ตนพูดหลายครั้งแล้วว่า ขอดูประโยชน์การทำงานเป็นตัวตั้งด้วยและดูเงื่อนไขทางการเมือง และตนพูดเสมอว่าทุกอย่างเป็นเหตุเป็นผลกัน เมื่อถามว่า ทั้ง 4 รัฐมนตรีได้พูดคุยกันหรือไม่จะออกพร้อมกันเมื่อไหร่ นายสนธิรัตน์ ตอบว่า ต้องพูดคุยกันอยู่แล้ว ส่วนช่วงเวลาที่เหมาะสมจะเป็นเมื่อไหร่นั้น ไม่ตอบแล้ว เพราะพูดอยู่ทุกวัน