หุ้นเทคโนฯทรุดฉุดดัชนีดาวโจนส์ดิ่งกว่า500จุด

หุ้นเทคโนฯทรุดฉุดดัชนีดาวโจนส์ดิ่งกว่า500จุด

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) ของเฟดจะจัดการประชุมในวันที่ 18-19 ธ.ค.นี้ ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 4 สำหรับปีนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดวันศุกร์ (7ธ.ค.)ตามเวลาสหรัฐ ปรับตัวร่วงลง 558.72  จุดหรือ 2.24 % ปิดที่ 24,388.95 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ร่วงลง 62.87 จุดหรือ 2.33% ปิดที่ 2,633.08 จุด และดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง 219.01 จุดหรือ 3.05% ปิดที่ 6,969.25 จุด  

ราคาหุ้นแอ๊ปเปิ้ล อิงค์ ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักทรัพย์จำนวน 30 หลักทรัพย์ ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์ ร่วงลง 1.5% ในการซื้อขายวันนี้ หลังจากที่บริษัทมอร์แกน สแตนลีย์ ประกาศปรับลดตัวเลขเป้าหมายราคาแอ๊ปเปิ้ล โดยระบุถึงยอดขายไอโฟนที่อ่อนแอ ขณะที่หุ้นเฟซบุ๊ค อเมซอน เน็ตฟลิกซ์ และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ต่างก็ปรับตัวลงเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นเกือบ 100 จุดในช่วงแรก ขานรับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐ รายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนพ.ย. โดยเพิ่มขึ้นเพียง 155,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 200,000 ตำแหน่ง

ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.7% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2512 และสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 6 เซนต์ หรือ 0.2% ในเดือนพ.ย. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.3% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบรายปี ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานเพิ่มขึ้น 3.1% เช่นเดียวกับในเดือนต.ค.

ทั้งนี้ ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงนับเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวที่ต่ำกว่าคาดในเดือนพ.ย. จะทำให้เฟดคลายความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ