นักลงทุนหุ้นขาดทุนตั้งแต่ต้นปี 6.4%

นักลงทุนหุ้นขาดทุนตั้งแต่ต้นปี 6.4%

ตลาดหลักทรัพย์ สรุปดัชนีพ.ย.ลดลง 1.6% จากเดือนก่อน และ 6.4% จากต้นปี ขณะที่วอลู่มเฉลี่ยลดลง 29% มาที่ 4.1 หมื่นล้านบาท

เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.61 นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการหัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในเดือนพฤศจิกายน 2561 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับตัวลดลงจากสิ้นเดือนก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงค่อนข้างรุนแรงในเดือนนี้ ประกอบกับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ส่งผลต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทั่วโลก แม้จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก แต่พื้นฐานทางเศรษฐกิจไทยยังคงแข็งแกร่งโดยการบริโภคและการลงทุนภายในประเทศยังคงเติบโตในไตรมาส 3/2561 ส่งผลให้เมื่อเปรียบเทียบดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2561 กับสิ้นปี 2560 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปรับตัวลดลงน้อยกว่าตลาดส่วนใหญ่ในเอเชีย สำหรับมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนพฤศจิกายน 2561 ที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนสอดคล้องกับตลาดส่วนใหญ่ในอาเซียนที่มูลค่าซื้อขายลดลงเช่นกัน

8971455438947

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2561 ปิดที่ 1,641.80 จุด ลดลง 1.6% จากสิ้นเดือนก่อน และปรับตัวลดลง 6.4% จากสิ้นปี 2560 โดยกลุ่มทรัพยากร และกลุ่มธุรกิจการเงินให้ผลตอบแทนมากกว่า SET index โดยในเดือนพฤศจิกายน 2561 ผู้ลงทุนต่างประเทศขายสุทธิในตลาดหลักทรัพย์ไทย 13,881 ล้านบาท

Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2561 อยู่ที่ระดับ 15.23 เท่า ขณะที่ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 15.55 เท่าซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 13.59 เท่า และ 14.47 เท่าตามลำดับ

อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2561 อยู่ที่ระดับ 3.18% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียที่อยู่ที่ 3.01%
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมของ SET และ mai ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2561 อยู่ที่ 16.8 ล้านล้านบาท ลดลง 5.0% จากสิ้นปี 2560 ตามทิศทางดัชนี

มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET และ mai ในเดือนพฤศจิกายน 2561 อยู่ที่ระดับ 41,585 ล้านบาท ลดลง 29.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ในเดือนพฤศจิกายน 2561 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 279,146 สัญญา ซึ่งลดลง 26.5% จากเดือนก่อน โดยทุกตราสารอนุพันธ์มีปริมาณการซื้อขายลดลงจากเดือนก่อน