2561 ปีชง ‘หัวเว่ย’

2561 ปีชง ‘หัวเว่ย’

ปี 2561 ถือเป็นปีแห่งความยากลำบากในการขยายธุรกิจสู่ตลาดโลกของ “หัวเว่ย” ล่าสุดซีเอฟโอถูกทางการแคนาดาจับกุมรอส่งตัวให้สหรัฐ

ข่าวทางการแคนาดาจับกุมนางสาวเมิ่ง หว่านโจว ประธานคณะเจ้าหน้าที่การเงิน (ซีเอฟโอ) ถือเป็นข่าวร้ายล่าสุดที่หัวเว่ยต้องเผชิญ หลังจากถูกสหรัฐ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอังกฤษห้ามหัวเว่ยให้บริการอ้างเหตุกังวลเรื่องความมั่นคง 

เมื่อวันพุธ (5 ธ.ค.) “บีที” บริษัทให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่สุดของอังกฤษประกาศว่า เลิกใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ยในเครือข่าย 4จี ของบริษัทแล้ว ไม่กี่วันหลังจากหน่วยข่าวกรองต่างประเทศ “เอ็มไอ 6” ประกาศว่าหัวเว่ยเป็นภัยต่อความมั่นคง

สัปดาห์ก่อนหน่วยข่าวกรองนิวซีแลนด์สั่งห้ามใช้อุปกรณ์หัวเว่ยในเครือข่าย 5 จี อ้างเหตุผลแบบเดียวกัน ขณะที่ออสเตรเลียและสหรัฐสั่งห้ามไปก่อนหน้านี้แล้ว จึงเหลือแคนาดาเพียงประเทศเดียวในเครือข่ายข่าวกรอง “ไฟว์อายส์” ที่ยังไม่ทำอะไรกับบริษัทจีนรายนี้

ทั้งนี้ นายเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งหัวเว่ย บิดาของนางสาวเมิ่ง เป็นอดีตวิศวกรกองทัพปลดแอกประชาชน จึงเกิดความกังวลว่าหัวเว่ยใกล้ชิดกับกองทัพและรัฐบาลจีน ซึ่งบริษัทปฏิเสธมาด้วยตลอด

ด้านนางสาวคิตตี้ ฟอค กรรมการผู้จัดการบริษัทวิจัยไอดีซีไชน่า กล่าวว่า หัวเว่ยรู้ดีว่าถูกมองเป็นภัยความมั่นคง บริษัทจึงเดินหน้าแสดงความโปร่งใส รวมทั้งแบ่งปันซอร์สโค้ดของตน เมื่อหลายประเทศเปิดระบบ 5จี ที่หลายคนมองว่าเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ธุรกิจใหญ่สุดของหัวเว่ย

“แต่การจับกุมซีเอฟโอหัวเว่ยเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิด และถ้าบริษัทถูกคว่ำบาตรเหมือนอย่างแซดทีอี ผลกระทบจะมากกว่าแซดทีอีมากเพราะหัวเว่ยเป็นบริษัทใหญ่กว่า”

ก่อนหน้านี้สหรัฐเคยห้ามขายส่วนประกอบสำคัญให้กับแซดทีอี บริษัทผลิตสมาร์ทโฟนจากจีน คู่แข่งของหัวเว่ย เนื่องจากแซดทีอีไม่สามารถจัดการกับพนักงานผู้ฝ่าฝืนคำสั่งห้ามทำการค้ากับอิหร่านและเกาหลีเหนือได้ คำสั่งห้ามของสหรัฐเกือบจะทำแซดทีอีล้มละลาย แต่สุดท้ายรัฐบาลวอชิงตันและปักกิ่งก็ตกลงกันได้