พท.อัดรัฐชี้คืนภาษีช่วงตรุษจีน 'ไม่มีประโยชน์'

พท.อัดรัฐชี้คืนภาษีช่วงตรุษจีน 'ไม่มีประโยชน์'

พท.อัดรัฐชี้คืนภาษีช่วงตรุษจีน "ไม่มีประโยชน์" ถามเเก้ปัญหาอย่างไร "ไทยครองที่ 1 ประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำ"

เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.61 ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีกระทรวงการคลังเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในอัตรา 5% ในช่วงเทศกาลตรุษจีน 1-15 ก.พ. 62 อยากให้รัฐบาลพิจารณาในรายละเอียดของมาตรการดังกล่าวในเชิงลึก เพราะภาษีมูลค่าเพิ่มโดยธรรมชาติเป็นภาษีที่คนรวยจ่ายมากกว่าคนจน ถึงกระทั่งมีนักวิชาการศึกษาพบว่าในการเก็บภาษี 100 บาท จะมีถึงประมาณ 80 บาทที่ออกจากกระเป๋าคนรวย อีกประมาณ 20 บาทออกจากคนจน จึงมีข้อสังเกตว่าแนวคิดการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม คนรวยหรือผู้มีกำลังซื้อจะเป็นฝ่ายได้ประโยชน์มากกว่าคนจน จนอาจเป็นการซ้ำเติมปัญหาความเหลื่อมล้ำทางรายได้ของประเทศขึ้นไปอีกหรือไม่

นอกจากนั้น ยังระบุว่าต้องใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตและต้องเป็นบัญชีที่ลงทะเบียนพร้อมเพย์ ถึงแม้ว่าผู้ถือบัตรเดบิตจะมีถึง 80% แต่เชื่อว่ากลุ่มคนที่จนที่สุดของประเทศก็น่าจะอยู่ใน 20% สุดท้ายที่ไม่ได้มีบัตรเดบิต กลุ่มคนที่เดือดร้อนที่สุดจึงยังคงเป็นกลุ่มที่ไม่ได้ประโยชน์ และยังระบุอีกว่าต้องชำระค่าสินค้าผ่านเครื่องชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) ที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์เครื่องบันทึกการเก็บเงิน (Point of Sale : POS) ทำให้ร้านค้าขนาดเล็กหรือร้านโชว์ห่วยที่ไม่มีอุปกรณ์เหล่านี้ก็จะไม่ได้รับประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว เป็นการถ่างช่องว่างระหว่างผู้ประกอบการรายย่อยกับรายใหญ่มากขึ้นไปอีก

จึงอยากให้รัฐบาลทบทวนมาตรการนี้ เพราะมีข้อสังเกตว่าด้วยข้อจำกัดต่างๆที่ตั้งขึ้น รวมทั้งลักษณะจำเพาะของภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นการทำให้ผู้ประกอบการและประชาชนผู้มีรายได้มากได้ประโยชน์มากกว่าผู้มีรายได้น้อย ซึ่งขัดกับหลักการกระจายทรัพยากรเพื่อการลดความเหลื่อมล้ำหรือไม่

นอกจากนั้นยังเกิดคำถามและข้อสังเกตขึ้นในสังคมในวงกว้างอีกว่าการที่มาตรการดังกล่าวที่เตรียมออกช่วงวันที่ 1-15 ก.พ. 2562 ซึ่งเป็นโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่ รัฐบาลจึงควรให้คำตอบกับสังคมและแสดงความชัดเจนในประเด็นดังกล่าว

นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าเมื่อรับทราบถึงข้อมูล CS Global Wealth Report 2018 ที่ระบุว่าประเทศไทยได้ครองตำแหน่งที่ 1 ประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำอันดับหนึ่งของโลกแล้ว รู้สึกตกใจและเห็นใจประชาชนผู้มีรายได้น้อย ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศอย่างมาก

"อยากถามรัฐบาลว่าบริหารงานอย่างไรจนทำให้ประเทศไทยสามารถขึ้นมาอยู่อันดับหนึ่งในเรื่องของความเหลื่อมล้ำได้ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ได้อันดับ 3 ก็ถือว่าแย่แล้ว แต่ในปีนี้กลับแซงหน้าประเทศอื่นๆ และรู้สึกภาคภูมิใจกับการจัดอันดับดังกล่าวมากน้อยแค่ไหน"

นางลดาวัลลิ์ กล่าวอีกว่า ข้อมูลหนึ่งที่ถอดรหัสออกมาได้จากรายงานดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มคนจำนวน 1 เปอร์เซ็นต์ ที่ถือครองทรัพย์สินเป็นจำนวนมากนั้น อาจเป็นบรรดาเจ้าสัวหรือนายทุน ที่ให้การสนับสนุนรัฐบาล คสช. มาโดยตลอดนับตั้งแต่มีการรัฐประหารใช่หรือไม่ เนื่องจากจะพบในหลาย ๆโครงการของภาครัฐมักจะมีสินค้าหรือไม่ก็บุคคลจากลุ่มดังกล่าวเข้าไปเกี่ยวข้องทั้งทางตรงหรือทางอ้อมมาโดยตลอด

"สำหรับวิธีการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นนั้น ต้องแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ตกต่ำอยู่ให้ฟื้นกลับมา เพื่อกระจายรายได้ไปยังคนทุกหมู่เหล่าในสังคม ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการทำงานของพรรคเพื่อไทยที่จะมีนโยบายเรื่อง หยุดความยากจน หยุดการระบาดยาเสพติด และหยุดคอรัปชั่นทุกหย่อมหญ้า" นางลดาวัลลิ์กล่าว