เลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา '3แกนนำนปช.' หมิ่น 'วัชระ เพชรทอง'

เลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา '3แกนนำนปช.' หมิ่น 'วัชระ เพชรทอง'

ศาลนัดใหม่12 มี.ค.62 ลุ้นผล "วีระกานต์-จตุพร-ณัฐวุฒิ" ผิดหรือรอด หลังชั้นต้น-อุทธรณ์ให้รอลงอาญา 2 ปี

ห้องพิจารณา 707 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 09.30 น. ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.4977/2555 ที่นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) , นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. เป็นจำเลยที่ 1 - 3 ในความผิดฐาน หมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 , 328 , 332 , พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และเรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาทเรียกค่าเสียหายร้อยละ 7.5 ต่อปี

          เลื่อนอ่านฎีกา

          โดยวันนี้เมื่อถึงเวลา มีเพียง "นายจตุพร และนายณัฐวุฒิ" จำเลย 2-3 เท่านั้นที่เดินทางมาศาล ส่วน "นายวีระกานต์" จำเลยที่ 1 ไม่มาศาลโดยทนายความได้ส่งใบรับรองแพทย์ต่อศาลระบุป่วยความดันโลหิตสูง และเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ รักษาตัวอยู่ที่ รพ.คามิลเลียน ถ.สุขุมวิท พร้อมขอเลื่อนการฟังคำพิพากษาศาลฎีกาออกไปก่อน 

          ศาลพิจารณาแล้ว กรณีมีเหตุจำเป็น ก็ให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาออกไปเป็นเช้าวันที่ 12 มี.ค.62

       เลื่อนอ่านฎีกา

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ "นายวัชระ" โจทก์ ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.55 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่  27 พ.ย.52 เวลากลางคืน จำเลยที่ 1-3 ซึ่งเป็นผู้ดำเนินรายการ "ความจริงวันนี้" ที่ออกอากาศสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมพีทีวี จัดรายการ กล่าวหาว่า โจทก์ พิมพ์หนังสือชื่อ "สมัคร จาบจ้วง ป๋าเปรม ถึงนอมินีทักษิณ" ขึ้นมาใหม่หลังจากที่นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว โดยพวกจำเลยให้คนเสื้อแดงไปคุกคามโจทก์ที่พรรคประชาธิปัตย์ด้วย และมีการนำรายการที่ออกอากาศเผยแพร่ในเว็บไซต์ ไทยพีพีทีวีด้วย ทั้งที่หนังสือดังกล่าวได้พิมพ์เผยแพร่ ที่สนามหลวง เมื่อวันที่ 23 มี.ค.51 โดยมีคุณหญิงกัลยา โสภณพาณิช เป็นประธานในพิธีเปิดตัวหนังสือฉบับนี้ ร่วมกับนายปรีชา สามัคคีธรรม ก่อนที่นายสมัครจะถึงอสัญกรรม 

       เลื่อนอ่านฎีกา

          โดยจำเลยทั้งสาม ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ขณะที่ "ศาลชั้นต้น" มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 2 ก.ย.58 ให้จำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 1 ปี และปรับคนละ 50,000 บาท ตาม ม.328 และ 332 แต่เมื่อพิจารณาพฤติการณ์ของจำเลยแล้วเห็นว่าไม่ร้ายแรง จึงให้รอการลงโทษจำเลยทั้งสามไว้คนละ 2 ปี และให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายจากการทำละเมิดโจทก์จำนวน 600,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีนับจากวันที่ 29 ธ.ค.55 และให้จำเลยทั้งสาม ร่วมกันโฆษณาคำพิพากษาย่อในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ , คมชัดลึก และแนวหน้า เป็นเวลา 3 วันติดต่อกัน โดยให้จำเลยทั้งสาม ชำระค่าทนายความแทนโจทก์ด้วย 10,000 บาท

            เลื่อนอ่านฎีกา

          ต่อมาโจทก์และจำเลยยื่นอุทธรณ์ ก็มีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 12 ต.ค.59 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น โดยเห็นว่าการจัดรายการโทรทัศน์ ต้องมีการซ้อมก่อนว่าใครจะพูดอะไร และต้องมีการตรวจสอบข้อมูลก่อนออกอากาศ เพราะหากผิดพลาดจะเสียหายในวงกว้าง จากข้อความที่จำเลยทั้งสามจัดรายการก็เป็นการกล่าวรับกันเป็นช่วงๆ โดยตกลงกันไว้ก่อน ซึ่งระบุชื่อโจทก์ว่าจงใจนำรูปนายสมัคร มาทำปกหนังสือ และการใช้ถ้อยคำกล่าวถึงโจทก์ว่าเป็นคนไม่ดีย่อมแสดงเจตนาของคนกล่าวได้ว่าต้องการยั่วยุให้ผู้รับฟังเข้าใจผิด ถูกดูหมิ่นเกลียดชังในตัวโจทก์ ไม่ได้เป็นการเตือนสติโจทก์ตามที่จำเลยอ้าง นอกจากนี้หลังจัดรายการปรากฏว่า วันถัดมามีผู้ชุมนุมหลายร้อยคนไปชุมนุม ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ข่มขู่ให้โจทก์ขอขมาศพนายสมัคร และครอบครัว 

         เลื่อนอ่านฎีกา

          ส่วนกระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ  ที่นำคำกล่าวในรายการ มาลงในเว็บไซต์นั้น โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานนำสืบให้เห็นว่าจำเลยทั้งสามเป็นผู้นำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ จึงยังไม่อาจรับฟังได้