'คล้าว-นายกอบต.' พบตร.บันทึกข้อตกลง ให้สิทธิ์ดูแลควายชั่วคราว

'คล้าว-นายกอบต.' พบตร.บันทึกข้อตกลง ให้สิทธิ์ดูแลควายชั่วคราว

"คล้าว-นายกอบต." เข้าพบตร. ทำบันทึกข้อตกลงให้สิทธิ์ดูแลควาย "เจ้าทองคำ" ชั่วคราว ขณะที่มีผู้ไม่ประสงค์ออกนาม จะจ่าย 1 แสนให้นายกอบต.ฯ เจ้าตัวเผยไม่ใช่คนใจร้าย รักควายแต่ถูกวิจารณ์หนัก

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 1 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่สน.คันนายาว ทางนายภูษิต ซื่อตรงกุล อาสาสมัครตำรวจ ผู้ดูแลได้นำเจ้าทองคำ ควายเพศผู้ ออกมาเดินกินหญ้า ภายในแปลงเศรษฐกิจพอเพียง ก่อนจะอาบน้ำให้เจ้าทองคำ และนำไปผูกไว้ภายในคอก เพื่อรอเจ้าของควายมารับไปเลี้ยงดูเป็นการชั่วคราว

ต่อมาเวลา 10.30 น. นายสุรัตน์ แผ้วเกตุ พร้อม นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ ประธานชมรมสนับสนุนการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม เพจสายตรงกฎหมาย เดินทางเข้ายื่นหนังสือ ต่อ พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช ผกก.สน.คันนายาว ขอให้ถอนข้อหาเรี่ยไร เนื่องจากไม่ครบองค์ประกอบความผิด

นายรัชพล เปิดเผยว่า ในวันนี้นายบุญเลิศ กาฬภักดี นายก อบต.สุขเดือนห้า และนายสุรัตน์ แผ้วเกตุ จะเดินทางมาทำบันทึกข้อตกลง ซึ่งจากการพูดคุยในเบื้องต้น นายบุญเลิศจะให้นายสุรัตน์ หรือพี่คล้าว 2018 นำควายไปเลี้ยงดูแลเป็นการชั่วคราว ที่จ.ชัยนาท ทั้งนี้ควายตัวดังกล่าวยังเป็นของกลางในคดี และอยู่ในระหว่างการโต้แย้งกรรมสิทธิ์ ซึ่งอยู่ในความดูแลของตำรวจ เกรงว่าควายจะเป็นอะไรไป จึงได้นัดหมายเข้าพบในวันนี้เพื่อให้เจ้าของควายนำไปเลี้ยงเป็นการชั่วคราว

นายรัชพล เปิดเผยอีกว่า จากการตั้งข้อหาของเจ้าหน้าที่ 4 ข้อหา คือ ฉ้อโกงประชาชน, ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, พ.ร.บ.เรี่ยไรเงิน และข้อหา ฟอกเงิน โดยในส่วนของข้อหา เรี่ยไรเงิน พบว่าไม่ครบองค์ประกอบตามความผิด จึงเดินทางมายื่นเอกสารให้ถอนข้อหานี้ออกจากคดี เนื่องจากไม่เป็นการเรี่ยไรตามที่กฎหมายกำหนด การที่นายสุรัตน์โพสต์เฟซบุ๊ก ตอนหนึ่ง ระบุว่า “เจ้าของเดิมให้โอกาสผมหาทางช่วยเหลือเจ้าทองคำ” ซึ่งในโพสต์ไม่มีการระบุว่า เรี่ยไรหรือไถ่ชีวิต จึงไม่เข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ภายหลังนายสุรัตน์ได้ให้สัมภาษณ์สื่อแห่งหนึ่งด้วยความซื่อ ว่าเป็นการหาเงินไปไถ่ชีวิตเจ้าทองคำ จึงทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ จนเป็นประเด็นดราม่าในที่สุด

ต่อมาเวลา 10.50 น. นายบุญเลิศ กาฬภักดี นายก อบต.สุขเดือนห้า เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช ผกก.สน.คันนายาว พร้อมปฏิเสธไม่ให้ข่าวกับสื่อมวลชนแต่อย่างใด

กระทั่งเวลา 11.00 น. นายสุรัตน์ แผ้วเกตุ ได้เดินทางมาพร้อมรถกระบะ และกล่าวว่า วันนี้เดินทางมารับควายกลับไปดูแล โดยได้เตรียมผ้าขาวม้าที่ใช้กับเจ้าทองคำเป็นประจำ มาผูกคอรับขวัญ และนำฟางข้าวที่เพิ่งเกี่ยวข้าววานนี้ พร้อมน้ำในหนองที่เจ้าทองคำเล่นเป็นประจำมาด้วย โดยเป็นห่วงเจ้าทองคำเรื่องแมลงวัน และบาดแผลที่กีบเท้า ส่วนในเรื่องคดีต้องให้ทางตำรวจเป็นผู้ดำเนินการ

จากนั้นทั้งนายสุรัตน์ พร้อมทนายความ และ นายบุญเลิศ ได้เข้าไปพูดคุยกับ พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช เพื่อลงบันทึกรับมอบควาย โดยช่วงแรกพ.ต.อ.สิงห์ได้ชี้แจงเรื่องเกี่ยวกับการทำคดีดังกล่าวว่าไม่ได้เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่ที่ดำเนินคดีในหลายข้อหาเนื่องจากนายสงกรานต์หนึ่งในผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีพร้อมกับแจ้งข้อกฎหมายที่จะใช้แจ้งความทั้ง 4 ข้อหา ซึ่งจากการตรวจสอบของพนักงานสอบสวน จึงต้องรับไว้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และแนะนำในเรื่องของการหาพยานมาต่อสู้คดี

นอกจากนี้ยังได้ให้นายสุรัตน์ทดลองเข้าอีเมล์ และ เฟซบุ๊กของตนเอง ซึ่งนายสุรัตน์สามารถล็อคอินเข้าใน เฟซบุ๊กและโทรศัพท์มือถือของตนเองได้ แต่เมื่อถามถึงเรื่องของเพจควายยิ้มที่เปิดไว้นั้นนายสุรัตน์ให้การว่าตนเองไม่ได้เป็นผู้เปิดเพจดังกล่าวแต่มีบุคคลใน เฟซบุ๊กเป็นผู้เปิดเพจให้

ส่วนเรื่องการไกล่เกลี่ยหาผู้ถือกรรมสิทธิ์ในการดูแลของกลางคือเจ้าทองคำเจ้าหน้าที่ตำรวจจะให้ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าจะนำเจ้าทองคำไปดูแลรักษาไว้ที่บ้านของนายสุรัตน์หรือนายบุญเลิศจะเป็นผู้นำไปดูแลเอง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจากการให้ผู้สื่อข่าวออกจากบริเวณการไกล่เกลี่ยเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยเปิดใจกันอย่างเต็มที่ ซึ่งใช้เวลา 30 นาที จึงแล้วเสร็จ

ต่อมาเวลา 11.50 น. พ.ต.อ.สิงห์ นายสุรัตน์ และนายบุญเลิศ เดินทางมาที่คอกควายชั่วคราวภายในแปลงเกษตรเศรษฐกิจพอเพียง โดยพ.ต.อ.สิงห์ เปิดเผยว่า ในวันนี้ได้มีการไกล่เกลี่ยและทำข้อตกลงในการนำควายไปเลี้ยงชั่วคราว ซึ่งได้มีผู้ไม่ประสงค์ออกนามนำเงินจำนวน 1 แสนบาทมาให้ นายก อบต. และลงบันทึกเป็นหลักฐานก่อนส่งมอบให้นายสุรัตน์นำควายกลับไปเลี้ยงดูเป็นการชั่วคราว
พ.ต.อ.สิงห์ เปิดเผยว่า ทั้งนี้เงิน 1 แสนบาทในส่วนดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับเงินของกลาง 1.6 แสนบาทในคดี ในส่วนของเรื่องคดีทั้งหมด ทางเจ้าหน้าที่ก็จะทำการสอบสวนต่อไป ส่วนเรื่องที่ทางทนายความยื่นหนังสือให้ถอนข้อหาเรี่ยไร ก็ได้รับเรื่องไว้แล้วและจะดำเนินการตรวจสอบพยานหลักฐานในคดีต่อไป ทั้งนี้หากคดีสิ้นสุดแล้วพบว่านายสุรัตน์ไม่ผิดก็จะนำเงิน 1.6 แสนบาทให้

ด้านนายบุญเลิศ เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าทองคำไม่ใช่ควายของตนแล้ว และอยากแจ้งผ่านสื่อหลังจากที่ตนโดนประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ว่า ตนก็เป็นคนที่รักควายคนหนึ่ง และเลี้ยงควายมาตั้งแต่เด็ก ไม่ได้เป็นคนใจร้ายแต่อย่างใด

ทั้งนี้พ.ต.อ.สิงห์ ได้ให้นายสุรัตน์สาธิตการถ่ายภาพที่ทำให้ควายยิ้ม แต่เจ้าทองคำไม่ยอม ยิ้มเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อน และตื่นสื่อมวลชนที่มาทำข่าวจำนวนมาก แต่เมื่อนำน้ำมาอาบให้เพื่อคลายความร้อนและนำหญ้าขนมาให้ เจ้าทองคำก็จะอารมณ์ดี จากนั้นพนักงานสอบสวนได้แยกสอบนายบุญเลิศ กาฬภักดี นายก อบต.สุขเดือนห้า และ นายสุรัตน์ แผ้วเกตุ