สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์วันที่ 26-30 พฤศจิกายน 2561

สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์วันที่ 26-30 พฤศจิกายน 2561

“เงินบาทแข็งค่า ขณะที่ ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นสอดคล้องตลาดต่างประเทศรับสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในปีหน้า”

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

-  เงินบาทกลับมาแข็งค่ากว่าระดับ 33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ หลังประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดกำลังเข้าใกล้ระดับที่เป็นกลางต่อเศรษฐกิจ โดยถ้อยคำดังกล่าว ถูกตีความเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะมีจังหวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่น้อยลงในช่วงปีข้างหน้า อย่างไรก็ดี กรอบการแข็งค่าของเงินบาทยังคงจำกัด เนื่องจากตลาดยังคงรอประเมินสัญญาณจากการหารือนอกรอบประชุม G20 ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ และจีนเกี่ยวกับประเด็นทางการค้า  

- ในวันศุกร์ (30 พ.ย.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 32.87 เทียบกับระดับ 33.07 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (23 พ.ย.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (3-7 ธ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.70-33.10 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยในช่วงต้นสัปดาห์ ตลาดอาจปรับตัวรับผลการหารือในประเด็นทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ขณะที่ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญในระหว่างสัปดาห์ ประกอบด้วย ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร และข้อมูลตลาดแรงงานอื่นๆ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนพ.ย. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนต.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนธ.ค. และรายงาน Beige Book ของเฟด ขณะที่ ปัจจัยที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ถ้อยแถลงของประธานเฟดและเจ้าหน้าที่เฟดอื่นๆ ดัชนี PMI เดือนพ.ย. ของประเทศชั้นนำอื่นๆ และข้อมูลเงินเฟ้อเดือนพ.ย. ของไทย

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย

ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นจากสัปดาห์ก่อน โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับที่ 1,641.80 จุด เพิ่มขึ้น 1.21% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่ มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 0.39% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 37,250 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.41% จากสัปดาห์ก่อน มาปิดที่ 400.82 จุด

- ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับตลาดต่างประเทศ โดยได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นประเด็นการเมืองในประเทศ แรงซื้อของนักลงทุนสถาบัน รวมถึงการตีความของตลาดว่าเฟดจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังประธานเฟดเปิดเผยว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดกำลังเข้าใกล้ระดับที่เป็นกลาง นอกจากนี้ ดัชนีฯ ยังได้รับแรงหนุนจากรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยเดือนต.ค.ซึ่งเปิดเผยในช่วงปลายสัปดาห์ อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงรอดูผลการเจราจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (3-7 ธ.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,630 และ 1,620 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,650 และ 1,665 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ ถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดรวมถึงเจ้าหน้าที่เฟดระดับสูง ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการเดือนพ.ย. และข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนต.ค. ขณะที่ ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI เดือนพ.ย.ของประเทศในยุโรปและญี่ปุ่น รวมถึงข้อมูลเงินเฟ้อเดือนพ.ย. ของจีน