'อภิสิทธิ์' เผยยังไม่ได้รับหนังสือเชิญคสช.

'อภิสิทธิ์' เผยยังไม่ได้รับหนังสือเชิญคสช.

"อภิสิทธิ์" เผยยังไม่ได้รับหนังสือเชิญคสช. ยันส่งผู้สมัครครบทุกเขต อาทิตย์หน้าเปิดนโยบายหาเสียง

เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 61 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรค ยังไม่ได้รับหนังสือเชิญจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ไปร่วมประชุมกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ในวันที่ 7 ธันวาคมนี้ ซึ่งคงต้องดูหนังสือเชิญก่อนว่ามีอะไรบ้าง แต่สันนิษฐานได้ว่า ขณะนี้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 11 ธันวาคม การหารือคงเป็นเรื่องการปลดล็อก ซึ่งแทบไม่มีประเด็นอะไรที่ต้องหารือ เพราะมองไม่เห็นว่าถ้ากฎหมายเลือกตั้งส.ส. มีผลบังคับใช้แล้วจะมีเหตุผลอะไรที่จะต้องมีข้อจำกัดการทำกิจกรรมทางการเมือง เพราะเราต้องการให้การเลือกตั้งเป็นที่ยอมรับและเป็นประชาธิปไตย ถ้ายังมีข้อจำกัดในเรื่องการเคลื่อนไหวอยู่ก็จะเป็นปัญหาต่อไป

เมื่อถามว่า ในเรื่องการแบ่งเขตการเลือกตั้งที่ยังไม่มีข้อยุติจะทำให้เป็นปัญหาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยู่ที่การทำงานของ กกต. เพราะเราเห็นว่าคำสั่งของคสช.ที่ออกมาล่าสุดเป็นการสร้างปัญหาทำให้เกิดเครื่องหมายคำถามขึ้นในเรื่องการทำงานเป็นอิสระของกกต.ใน 2 ประเด็นใหญ่ คือ ทำไมต้องเอารัฐบาลกับ คสช. มาเกี่ยวข้องกับกระบวนการแบ่งเขตการเลือกตั้งด้วย และการที่ไปคุ้มครองทางกฎหมายว่า การแบ่งเขตเลือกตั้งอาจไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในกฎหมายปกติที่จะเป็นเรื่องบั่นทอนความเชื่อมั่นในการแบ่งเขต และในข้อเท็จจริงเราทราบว่าพรรคการเมืองที่อิงอยู่กับผู้มีอำนาจในปัจจุบันเอาเรื่องของเขตการเลือกตั้งมาต่อรองในการดึงสมาชิกพรรคการเมืองอื่น

ส่วนท่าทีของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่แสดงสัญลักษณ์ว่าจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ปีหน้านั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ดี ตอนนี้ถ้าอะไรที่เกิดความชัดเจนก็ดีสำหรับประเทศ และขณะนี้ทุกพรรคมีความพร้อมที่จะมุ่งไปสู่การเลือกตั้ง อะไรที่ไปสร้างความไม่แน่นอนขึ้นอีกก็ไม่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม และอะไรที่เดินไปตามปฏิทินที่กำหนดไว้ก็จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศและรัฐบาล เมื่อถามว่า ผลสำรวจความเห็นประชาชนที่ออกมาว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นอันดับ1 นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีหลายโพล ตนก็ดูอยู่หลายโพล ไม่มีปัญหาอะไร ถึงเวลาต้องแข่งขันกัน

เมื่อถามถึงกรณีที่มีพรรคการเมืองบางส่วนวิจารณ์ว่าการปลดล็อกอาจทำกิจกรรมได้ไม่เต็มที่ เพราะอาจมีทหารเข้าไปประกบอยู่ด้วยเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า บ้านเมืองเรามีกฎหมายดูแลในเรื่องของความสงบเรียบร้อยอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องนี้มาพันกับการทำกิจกรรมทางการเมืองหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง คนที่จะก่อความวุ่นวายหรือความไม่สงบ หรือสร้างความขัดแย้ง ความจริงทำได้โดยไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม พรรคการเมืองไหนก็ไม่ประสงค์ที่จะเกิดความขัดแย้งขึ้น ทุกคนต้องการให้บ้านเมืองกลับไปสู่ประชาธิปไตยคือการเลือกตั้ง ดังนั้นจึงมองไม่เห็นว่าพรรคการเมืองที่อยากเลือกตั้งจะไปสร้างความขัดแย้งเพื่อให้เกิดปัญหาขึ้นอีกทำไม

“ผมเคยเสนอก่อนหน้านี้แล้วว่า ความจริง กกต. ควรกำหนดให้ชัดว่า กรณีที่มีความพยายามเข้าไปขัดขวางการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมืองอื่น ต้องถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตยุติธรรม เพราะถือเป็นการกีดกันหรือไม่เปิดโอกาสให้ทุกพรรคหาเสียงอย่างเท่าเทียม ถ้า กกต. ชัดเจนอย่างนี้พรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองไหนที่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองแล้วไปพยายามทำสิ่งเหล่านี้ก็จะต้องถูกลงโทษ ซึ่งเมื่อปี 54 ผมเคยร้องเรียนเรื่องนี้ไป แต่ กกต. ในสมัยนั้นวินิจฉัยว่า ไม่เป็นไรจะเข้ามาขัดขวางกันก็ได้ จึงเกิดปัญหา ดังนั้นถ้า กกต. สร้างบรรทัดฐานใหม่จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด จะทำให้คนที่มีส่วนได้ส่วนเสียทางการเมืองไม่เข้ามายุ่ง” นายอภิสิทธิ์ ระบุ

นายธนา ชีรวินิจ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงความพร้อมในการส่งผู้สมัครของพรรคว่า พรรคมีผู้สมัครที่มีคุณภาพและจะส่งครบ 350 เขตทั่วประเทศ แม้ในหลายพื้นที่จะมีผู้สมัครของพรรคออกไปอยู่พรรคการเมืองอื่น เราเคารพการตัดสินใจ แต่ก็ได้ตัวบุคคลที่มีคุณภาพ มีคุณสมบัติยึดมั่นแนวทางพรรคมาลงแทนแล้ว พรรคในยุคที่นายอภิสิทธิ์เป็นหัวหน้าพรรค จะเป็นพรรคที่ไม่เกรงใจใครอีกแล้ว ถ้าขัดหลักการของบ้านเมือง ผลประโยชน์ของประเทศจะต่อสู้และยืนหยัดทำความจริงให้ปรากฏ ซึ่งพรรคจะเสนอนโยบายเป็นจริง สัมผัสได้และรวดเร็ว โดยนายกรณ์ จาติกวณิช เป็นประธานจัดทำนโยบายพรรค เสร็จสมบูรณ์แล้ว และจะเริ่มแถลงในแต่ละเรื่องตั้งแต่สัปดาห์หน้า

นายธนากล่าวถึงปัญหาการแบ่งเขตเลือกตั้งว่า มีบางพรรคนำเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งมาเจรจาต่อรองให้ย้ายพรรค เมื่อไม่ย้ายก็มีการแบ่งเขตเป็นสองส่วนเอาพื้นที่ที่มีคะแนนนิยมน้อยมาใส่แทน เช่นจ.กาญจนบุรี เพื่อให้ตัวเองได้เปรียบในทางการเมือง ดังนั้นพรรคจะตรวจสอบการแบ่งเขตเลือกตั้งทั่วประเทศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ว่าเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของกกต.หรือไม่ โดยมีความเป็นห่วงว่า คสช.เข้ามาบริหารแล้วไม่ดำเนินการต่างจากรัฐบาลเดิมที่ตัวเองยึดอำนาจ จะทำให้บ้านเมืองจะเข้าสู่วงจรความขัดแย้งเหมือนเดิม เพราะการเลือกตั้งที่ไม่บริสุทธิ์ ยุติธรรม

ด้านนายธัญญนิธิ ชวรัตน์นิธิโชติ รองโฆษกพรรคกล่าวว่า รายชื่อผู้สมัครของพรรคใน 3 จังหวัด คือ ดราชบุรี ประกอบด้วย นางกัลยา ศิริเนาวกุล เขตอ.เมือง พ.ต.ท.สันทัด เจียมสกุล เขตปากท่อ วัดเพลง สวนผึ้ง บ้านคา นายชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ เขตโพธาราม จอมบึง นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ เขตบ้านโป่ง และนายชัยโรจน์ เอกอัครอัญธรณ์ เขตดำเนิน บางแพ นครปฐม ประกอบด้วย พ.ท.สินธพ แก้วพิจิตร เขต 1นายสมคิด เปี่ยมคล้า เขต 2 นายชวินชยาทิต ภาณหสตังไทรงาม เขต 3 นายสมชาย มณีรัตน์ เขต 4 และนายสุรชัย อนุตธโต เขต 5 และนนทบุรี ดร.วิภาวัลย์ วรวรรณปรีชา เขต 1 ดร.เฉลิมพล นิยมสินธุ์ เขต 2 นายกฤตพัศ อัจฉริยะประสิทธิ์ เขต 3 นายวิรัตน์ บรรดาศักดิ์ เขต 4 นายจำลอง ขำสา เขต 5 นายสัมฤทธิ์ ด้วงโสน เขต 6 โดยพรรคได้สำรวจความนิยมแล้ว ได้รับการตอบรับอย่างดี จึงมั่นใจว่าจะชนะยกทีม