บาท’ เปิดตลาดเช้านี้ ‘ทรงตัว’ ที่ 33.04 บาทต่อดอลลาร์

บาท’ เปิดตลาดเช้านี้ ‘ทรงตัว’ ที่ 33.04 บาทต่อดอลลาร์

เงินบาทยังอ่อนค่าคลื่อนไหวกรอบแคบ จับตาการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐเฟด ผู้ค้ายังระมัดระวังตัวก่อนมีถ้อยแถลงในคืนพฤหัสและรอปัจจัยอื่นชัดเจน หนุนต่างชาติน่าจะมีการไหลกลับของสกุลงินเอเชีย

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ที่ระดับ 33.04 บาทต่อดอลลาร์ ไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงสิ้นวันทำการก่อน

ในคืนที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นเล็กน้อยโดยดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น 0.3% ด้วยความหวังว่าอาจมีการหารือกันระหว่างสหรัฐและจีนในช่วงการประชุมจี 20 ที่กำลังจะมาถึง ขณะที่นักลงทุนก็จับตาไปที่ความคิดเห็นของคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐเรื่องความเร็วในการขึ้นดอกเบี้ยตลอดสัปดาห์นี้

ล่าสุด คณะกรรมการหลายท่านมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีความเปราะบางมากขึ้น ทำให้ตลาดคาดว่าเฟดอาจส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ยหลังจากเดือนธันวาคมนี้ แม้ราคาน้ำมันจะเริ่มปรับตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดรอบปีแล้ว แต่บอนด์ยิลด์สหรัฐอายุ 10 ปียังทรงตัวอยู่ที่ระดับ 3.06% เนื่องจากผู้ค้าส่วนใหญ่อยู่ในภาวะระมัดระวังตัวก่อนแถลงรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐครั้งล่าสุดในช่วงคืนวันพฤหัส

ค่าเงินบาทมีความเคลื่อนไหวไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นแรงขายของผู้ส่งออกในระดับเหนือ 33 บาทต่อดอลลาร์ จึงทำให้เงินบาททรงตัวในกรอบแคบ ขณะที่ผู้ค้าเงินส่วนใหญ่ในตลาด กำลังรอความคืบหน้าของการประชุมจี 20 ที่กำลังจะมีขึ้นในช่วงท้ายสัปดาห์ โดยมองว่า ข้อตกลงทางการค้าจะส่งผลให้ตลาดเปิดรับความเสี่ยง (Risk On) และน่าจะมีเงินทุนไหลกลับเข้าเอเชียอีกครั้ง

มองกรอบค่าเงินบาทวันนี้ 32.98-33.08 บาทต่อดอลลาร์ 

นักบริหารเงินธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า  ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้อ่อนค่าลง ตามค่าเงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ โดยดัชนีค่าเงินดอลลาร์(DXY) ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 97.3จุด หลังถ้อยแถลงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด Fed Clarida ยังคงสนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยต่อของเฟด  

นอกจากนี้ค่าเงินดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของค่าเงินปอนด์หลังประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ ระบุว่า ข้อตกลงBrexit อาจกระทบความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างอังกฤษและสหรัฐฯได้  

ดังนั้น ตลาดกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น  ท่ามกลางความหวังว่า สหรัฐฯและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าได้ในการประชุมผู้นำ G-20ในช่วงสิ้นเดือนนี้ 

อย่างไรก็ดี นักลงทุนและผู้ประกอบการไม่ควรประมาทและควรเตมรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงดังกล่าว เพราะถ้าหากการเจรจาการค้าล้มเหลว และสหรัฐฯเดินหน้าทำสงครามการค้ากับจีนต่อ ตลาดจะกลับมาปิดรับความเสี่ยงและอาจเกิดแรงเทขายสินทรัพย์รวมทั้งค่าเงินเอเชียได้  

สำหรับวันนี้นักวิเคราะห์ต่างมองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯในไตรมาสที่3 จะขยายตัวได้เกิน 3.5% จากไตรมาสก่อนหน้า ทว่าสิ่งที่ตลาดจะจับตาคือ การเติบโตของผลกำไรบริษัทเอกชน ซึ่งหากโตเกิน 2.6% จากไตรมาสก่อนหน้า อาจช่วยลดความกังวลแนวโน้มผลประกอบการในสหรัฐฯและช่วยให้ตลาดเปิดรับความเสี่ยงได้บ้าง  

ขณะที่ตลาดจะรอดูท่าทีของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดว่าจะมีมุมมองการขึ้นดอกเบี้ยที่เปลี่ยนไปหรือไม่  โดยถ้าหากมุมมองของเจ้าหน้าที่เฟด รวมทั้งประธานเฟดในสัปดาห์นี้มีทีท่าไม่เร่งรีบขึ้นดอกเบี้ย หรือมองการขึ้นดอกเบี้ยลดลงในปีหน้า อาจส่งผลให้ตลาดคลายความกังวลการขึ้นดอกเบี้ยเฟดและเปิดรับความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นได้  

มองกรอบค่าเงินบาทวันนี้อยู่ที่ 33.00-33.10 บาทต่อดอลลาร์