แม่ผู้ต้องหา เข้าให้ปากคำคดีวัยรุ่นรุมทำร้าย2หนุ่มในหมู่บ้านเอื้ออาทร

แม่ผู้ต้องหา เข้าให้ปากคำคดีวัยรุ่นรุมทำร้าย2หนุ่มในหมู่บ้านเอื้ออาทร

แม่ผู้ต้องหา-เพื่อนให้ปากคำตร.คดีรุมทำร้าย 2 วัยรุ่นหมู่บ้านเอื้ออาทรสายไหม เผยปมขัดแย้งถูกอีกฝ่ายบังคับขายยาเสพติด-พูดจาท้าทายบ่อยครั้ง ซ้ำข่มขู่ไม่ให้กลับบ้าน

จากกรณีกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 5-7 คน เข้าไปข่มขู่ชายวัยรุ่น 2 คน ภายในหมู่บ้านเอื้ออาทรสายไหม ก่อนจะใช้อาวุธปืนจี้บังคับให้ขึ้นรถเก๋งไปทำร้ายร่างกาย บริเวณถนนเลียบวงแหวนตะวันออก (หนองระแหง) ก่อนจะกลับมาส่งที่บ้านเอื้ออาทรสายไหมอีกครั้ง และหลบหนีไปนั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2561 นางนรินทร์ แสงโชติ อายุ 39 ปี แม่ของนายแบงค์ หนึ่งในผู้ต้องหา พร้อมด้วยนางสมหมาย ดำขำ อายุ 53 ปี บุคคลที่ให้ที่พักอาศัยกลุ่มผู้ก่อเหตุ และเพื่อนของกลุ่มผู้ก่อเหตุ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน ก่อนจะออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน

โดยนางนรินทร์ เปิดเผยว่า มีกลุ่มผู้มีอิทธิพล หรือคนใหญ่ในบ้านเอื้ออาทร ออกมาสั่งให้เด็กทุกคนในหมู่บ้านจะต้องเคารพ และก้มหัวให้นายมอต แต่ลูกชายของตนไม่ยอม เรื่องราวจึงบานปลายมาถึงรุ่นพี่ และลูกชายไปอยู่ในกลุ่มที่ไม่ถูกกับกลุ่มในหมู่บ้าน จึงถูกข่มขู่ และสั่งห้ามกลับบ้านมาปีกว่าแล้ว และวันนี้ถือเป็นวันแรกที่จะได้เห็นหน้าลูก

นางนรินทร์ เผยอีกว่า ลูกชายมีความขัดแย้งกับกลุ่มในหมู่บ้านได้ประมาณ 2 ปี หรือประมาณสงกรานต์ 2559 ล่าสุดกลุ่มลูกชายได้รับการท้าทายจากกลุ่มผู้บาดเจ็บว่า มีของเล่นใหม่ อยากให้มาลอง (ปืน)​ ส่วนกรณีที่มีข่าวออกมาว่าทางฝั่งผู้ก่อเหตุมีอาวุธนั้น จริงๆแล้วไม่มี คนที่มีอาวุธครบมือคือฝั่งผู้บาดเจ็บ พูดง่ายๆว่าเป็นแก๊งยาเสพติด และที่ผ่านมาฝั่งคนเจ็บถูกจับไปหลายคนแล้ว และนายมอต ที่กลุ่มผู้ก่อเหตุถามหาตั้งแต่เกิดเรื่องนั้น คือหัวโจก หรือหัวหน้าแก๊งหมู่บ้านเอื้ออาทรสายไหม

นางนรินทร์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ผ่านมาลูกชายไปเรียนแถวซอยสุขาภิบาล5 และไปสนิทสนมกับกลุ่มวัยรุ่นแถวนั้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่ก่อเหตุ ซึ่งลูกชายไม่เคยมีเรื่องกับใคร แต่ฝ่ายคนเจ็บกลับมาหาเรื่อง พูดจาข่มขู่ตลอด บางครั้งขู่ว่า “ถ้ามึงกลับมาบ้าน(บ้านเอื้ออาทรสายไหม)จะถูกกระทืบ” ลูกชายจึงบอกว่าจะไม่กลับบ้านสักพัก เพราะกลับไม่ได้ จากนั้นลูกชายก็จะโทรศัพท์มาหาตลอด และคอยโอนเงินให้ตนใช้ เพราะตนไม่มีสามี และจะต้องเลี้ยงลูกอีก 3 คน

นางนรินทร์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ตนก็ไม่เคยทราบเลยว่าไปอยู่ที่ไหน หรือทำอะไร แต่รู้เพียงว่าลูกชายอยู่แถวนี้ แต่ตนไม่รู้ว่าที่ไหน กระทั่งวันเกิดเหตุลูกชายจะเข้ามาหาตน และตรงกับวันเกิดของน้อง ลูกชายก็ตั้งใจจะเอาเงินมาให้ไปซื้อเค้ก แต่ไม่กล้ามาคนเดียว จึงชวนเพื่อนมาด้วย และไปเจอกับคนเจ็บ และมีกระทบกระทั่งกัน ก่อนจะพาขึ้นรถยนต์ไป และลูกชายบอกกับตนว่าไม่ได้ไปมีเรื่องกับใคร แค่ไปด้วยเท่านั้น

ด้านนางสมหมาย ดำขำ อายุ 53 ปี บุคคลที่ให้ที่พักอาศัยกลุ่มผู้ก่อเหตุ เผยว่า สืบเนื่องจากที่ผ่านมากลุ่มผู้ก่อเหตุได้หลบหนีไปพักอาศัยตามบ้านต่างๆประมาณ 4-5 เดือน จากนั้นก็มาพักอาศัยที่บ้านของตนประมาณปีกว่า อยากจะบอกว่าที่ออกข่าวไปก่อนหน้านี้ไม่เป็นความจริงเลยด้วยซ้ำ ซึ่งจริงๆแล้วฝ่ายผู้บาดเจ็บเป็นคนไปกระทำความเดือดร้อนให้ผู้อื่นก่อนทุกครั้ง และสาเหตุหลักที่ทั้ง 2 ฝ่ายมีปัญหากัน เนื่องจากฝ่ายคนเจ็บเคยบังคับให้ขายใบกระท่อม และทำร้ายร่างกาย ก่อนจะข่มขู่หากกลับบ้านโดนทำร้ายร่างกายแน่

นางสมหมาย เปิดเผยอีกว่า ซึ่งครั้งแรกที่ตนเห็นเด็กกลุ่มนี้ยอมรับว่าสงสาร เนื่องจากนอนอยู่ในบ้านร้าง จึงสอบถามว่าทำไมไม่กลับบ้าน ถึงทราบว่าเด็กพวกนี้กลับบ้านที่อยู่ในเอื้ออาทรสายไหมไม่ได้ เพราะถูกรุ่นใหญ่ หรือคนมีอำนาจในหมู่บ้านขู่ไว้ ตนจึงให้มาพักอาศัยอยู่ที่บ้าน เพราะเด็กพวกนี้ขยันทำมาหากิน และเคยบอกกับตนว่าให้ทำอะไรก็ได้ ขอแค่มีข้าวกิน

“นอกจากนี้คนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เคยมาเอาตัวฝั่งผู้ที่ก่อเหตุไปทำร้ายร่างกาย แต่ไม่มีใครกล้าแจ้งความ จึงมีเรื่องกันตลอด จริงๆแล้วผู้ก่อเหตุและผู้บาดเจ็บมีปัญหากันส่วนตัว ไม่ได้เป็นตามที่ข่าวนำเสนอก่อนหน้านี้เลย” นางสมหมาย กล่าว

ด้านนางสาวเอ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี บุคคลที่นั่งในรถกระบะตามไปจุดเกิดเหตุ เล่าว่า ตอนนั้นตนตามไปยังถนนเลียบวงแหวนตะวันออก (หนองระแหง) เห็นว่า 1 ในผู้ก่อเหตุเข้าไปกอดกับผู้บาดเจ็บ และร้องไห้ พร้อมกับพูดว่า ผมไม่ได้ตั้งใจ เพราะผมไม่ได้เข้าบ้าน พี่ต้องเข้าใจผมนะ ผมคิดถึงพ่อ คิดถึงแม่ ขณะเดียวกันฝ่ายคนเจ็บตอบกลับว่า พี่ก็รักเอ็งนะ และร้องไห้กอดกัน ซึ่งต่างฝ่ายก็ต่างพูดคุยกันด้วยดี คิดว่าไม่มีอะไรแล้ว

ขณะที่เจ้าของรถกระบะ (ขอสงวนชื่อและนามสกุล)​ ที่ขับตามรถเก๋งไปยังถนนเลียบวงแหวนตะวันออก(หนองระแหง) เปิดเผยว่า ความจริงแล้วตนจะตามไปห้ามน้อง (ฝั่งผู้ก่อเหตุ) และไม่ได้ไปกัน 10 คน จริงๆแล้วมีแค่ตน เพื่อนสาว และเพื่อนชายอีก 3 คน และบุคคลที่ถูกออกหมายจับก่อนหน้านี้คือนายกิตติพรรดิ์ ทองยืน หรือเอ็กซ์ อายุ 21 ปี และเพิ่งจะทราบเรื่องตอนที่กำลังไปวงแหวน และตั้งใจจะไปห้าม และที่สำคัญไม่มีปืน หากมีฝั่งคนเจ็บคงอยู่โรงพยาบาลแล้ว คงไม่ได้มาพูดอย่างนี้