ร้องกองปราบจับแพทย์แสบ คลินิคทำหน้าอกฉาว ชี้เหยื่ออื้อทำเป็นขบวนการ

ร้องกองปราบจับแพทย์แสบ คลินิคทำหน้าอกฉาว ชี้เหยื่ออื้อทำเป็นขบวนการ

ทนายพาเหยื่อทำศัลยกรรมเสริมหน้าอก ร้องตำรวจกองปราบฯ เอาผิดแพทย์-คลินิค แฉหมอจริงแต่ไม่ใช่ศัลยกรรมเฉพาะทาง เผยเกือบตายหลังผ่าตัดเลือดไหลไม่หยุด-ไม่รับผิดชอบ ชี้เหยื่ออื้อคาดทำเป็นขบวนการ

ที่กองบังคับการปราบปราม - นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ นำผู้เสียหาย 2 ราย พร้อมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการทำศัลยกรรมเสริมหน้าอกกับทางคลินิคแห่งหนึ่ง เข้าร้องขอความเป็นธรรมกับตำรวจกองปราบปราม เพื่อขอให้ดำเนินคดีกับแพทย์ที่ทำการผ่าตัด และคลินิคที่ให้บริการกับผู้เสียหาย แต่ต่อมากลับพบว่าบาดแผลจากการผ่าตัดมีเลือดซึมออกมา จนสุดท้ายเกือบทำให้เสียชีวิต

หนึ่งในผู้เสียหายเปิดเผยว่า ไปทำศัลยกรรมกับคลินิคแห่งนี้เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังจากเห็นโฆษณาในอินเทอร์เน็ตดูน่าเชื่อถือ และมีการตรวจสอบจากเว็บไซต์ต่างๆ ว่า แพทย์ที่รับผิดชอบมีตัวตนจริง และมีชื่อเสียงเรื่องการเสริมความงาม ประกอบกับในโฆษณาเห็นว่ามีการลดราคา จึงตัดสินใจใช้บริการ จากนั้นเมื่อถึงเวลานัดทำการผ่าตัด กลับพบว่าไม่ใช่คลินิคย่านลาดพร้าว แต่เป็นที่ย่านรังสิต อีกทั้งหมอที่ทำศัลยกรรมก็ไม่ใช่คนเดียวกับที่นำไปโฆษณา แต่เนื่องจากเชื่อใจในชื่อเสียงจึงยอมทำศัลยกรรม

ต่อมาหลังจากทำศัลยกรรมไปได้ไม่กี่วัน ก็ปรากฎมีเลือดซึมออกมาตามบาดแผล เมื่อปรึกษาทางไลน์ไปที่คลินิค ก็ได้รับคำตอบว่าเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อเห็นว่าเลือดไหลไม่หยุด จึงกลับไปที่คลินิคอีกครั้ง ซึ่งแพทย์รายเดิมที่ทำการรักษาได้ปรึกษาพยาบาลแล้วเห็นว่าต้องผ่าตัดนำซิลิโคนออก ก็รู้สึกแปลกใจที่ทำการผ่าตัดแบบไม่เป็นมืออาชีพ และมีการล้างแผลอย่างลวกๆ ก่อนบอกให้ตนกลับไปพักที่บ้าน แต่เลือดยังคงไหลจากบาดแผลไม่หยุด จึงตัดสินใจให้แฟนพาไปรักษาที่โรงพยาบาล

แพทย์วินิจฉัยว่ามีอาการตกเลือด จนมีเกล็ดเลือดต่ำกว่าค่ามาตรฐาน ซึ่งโดยทั่วไปอาจถึงขั้นเสียชีวิต หลังรักษาเสร็จมีการทวงถามความรับผิดชอบกลับไป ปรากฎว่าทางคลินิคบอกว่าจะช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลให้แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการช่วยเหลือเข้ามาแต่อย่างใด อีกทั้งเมื่อมีการตรวจสอบไปที่เพจของคลีนิค ก็พบมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ถูกกระทำในลักษณะเดียวกัน จึงตัดสินใจมาแจ้งความ

ด้านนายรณณรงค์ ระบุว่า ได้ตรวจสอบแพทย์ที่ทำการผ่าตัดเสริมความงาม พบว่าเป็นแพทย์จริง แต่ไม่ใช่หมอศัลยกรรมเฉพาะทาง เป็นเพียงหมอรักษาโรคทั่วไป และจากการไปตรวจสอบเมื่อวานนี้พบว่ายังเปิดให้บริการตามปกติ มีการสอบถามข้อมูลการให้บริการ ซึ่งทางคลินิคอ้างข้อมูลว่าให้บริการกับลูกค้าเฉลี่ยวันละ 12 ราย ขณะที่เมื่อตรวจสอบไปที่หน้าเพจเฟซบุ๊ก ก็พบมีผู้เสียหายหลายรายไปโพสต์ถาม อาการข้างเคียงที่เกิดจากการทำแผลผ่าตัด ซึ่งคลินิคก็ชี้แจงว่าเป็นอาการปกติ

อย่างไรก็ตามหลังเกิดเรื่อง พบว่าทางคลินิคพยายามติดต่อจะชดใช้ค่าเสียหายหลายครั้ง แต่ก็มีการบ่ายเบี่ยงเรื่องการชดใช้ค่ารักษาพยาบาลมาโดยตลอด อีกทั้งเห็นว่ากรณีนี้มีผู้เสียหายหลายราย การกระทำของคลินิคมีลักษณะคล้ายจงใจกระทำผิด เป็นขบวนการ ผู้เสียหายจึงตัดสินใจจะเอาผิดให้ถึงที่สุด

อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ได้ประสานให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดที่เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ ปคบ. มารับเรื่องไปตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป