'ประวิตร' โต้อย่าเอาผลโพลล์มาวัดคะแนนนิยม 'ประยุทธ์'

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พบกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นักการเมืองมาเลเซีย ว่า เขาขอมาพบ มาคุยกันเรื่องปัญหาภาคใต้ ทั้งนี้ เขาสนับสนุนเราอย่างดี เขาพยายามที่จะทำให้เกิดความสงบ เขาบอกว่าทั้ง 2 ประเทศจะเดินไปด้วยกัน

เมื่อถามว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่คนอยากเสนอตัวเป็นนักการเมืองจะสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ท่านเปลี่ยนใจอยากเข้าไปเป็นสมาชิกพรรคการเมืองบ้างหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ก็พูดตั้งนานแล้ว โถ่เอ้ย” เมื่อถามถึงกรณีที่บางพรรคใช้เรื่องคดีความเข้ามากดดันให้นักการเมืองเข้ามาสังกัดพรรค พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้พรรคไหน มีที่ไหน ที่ว่าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็ถามว่าใครล่ะ

เมื่อถามย้ำว่า แต่ลูกนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยอมรับว่าที่มาอยู่พปชร.ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะคดีความของพ่อ และการรักษาตัว พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็คดีความของเขาเอง อยู่แล้วจะไปช่วยอะไรได้ ใครช่วยได้ ก็ต้องไปพูดกับศาลเท่านั้น จะมาพูดอะไรกับเรา เราช่วยไม่ได้ รัฐบาลไม่ได้เป็นศาลนี่จะไปคุมอะไรศาลได้ ศาลก็ว่าของศาล เมื่อถามว่า หลายคนมองว่ายุคนี้จะเป็นเหมือนยุครสช. ที่รัฐบาลบีบนักการเมืองให้มาร่วม พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า แล้วรัฐบาลเคยเข้าไปยุคไหม ไม่เคยไปยุ่งอะไรเลย เป็นเรื่องของตัวรัฐมาตรีที่เขาว่าไป ทั้งนี้ พรรคพปช.ไม่เห็นมีทหารสักคน พลเรือนทั้งหมดที่เข้ามาอยู่ ถามว่ามีรึเปล่า เดี๋ยวนี้มีไหม ส่วนที่เขาจะเสนอพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นนายกฯก็เรื่องของเขา ต้องไปถามคนเสนอ มาถามตนได้อย่างไร

เมื่อถามว่า เมื่อถามว่าผลโพลล์ของนิด้าโพลล์ออกมาคนโหวตให้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นนายกฯ สะท้อนความนิยมของพล.อ.ประยุทธ์ที่ตกลงหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า นิด้าทำโพลล์แค่ 1,200 คน แต่คนทั้งประเทศมี 70 ล้านคน จะมาอิงได้ไง ตอนนายกฯได้รับความนิยมไม่เห็นเอามาคุย ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยโพลล์ เพราะไม่ได้เล่นการเมือง วัดกันที่ความขัดแย้งอย่าให้มีจะดีกว่า วัดการเมืองจะวัดไปทำไม

เมื่อถามว่า ท่านพูดแบบนี้เหมือนตะมีอะไรขัดแย้งหรือ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ฟังไม่รู้เรื่อง ไม่ต้องขยายความ ไปแล้ว ไอ้พวกเฮงซวย”