'อนุสรณ์' มองอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทย Q4/61 อาจจะโตต่ำกว่า 4%

'อนุสรณ์' มองอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทย Q4/61 อาจจะโตต่ำกว่า 4%

"อนุสรณ์" มองอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทย Q4/61 อาจจะโตต่ำกว่า 4%

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า  อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสสี่ของไทยอาจจะยังคงเติบโตต่ำกว่า 4% ต่อเนื่องจากไตรมาสสาม การขยายตัวยังคงแผ่วลงจากเศรษฐกิจในระดับฐานรากยังไม่ได้ขยายตัวมากนัก โดยการบริโภคภาคเอกชนในหมวดสินค้าไม่คงทนซึ่งมีสัดส่วนค่อนข้างสูงในรายจ่ายของครัวเรือนรายได้น้อยถึงปานกลางยังขยายตัวต่ำ มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการคนจนจะไม่ได้ช่วยกระตุ้นภาคการบริโภคมากนัก การขยายตัวของภาคการบริโภคจึงยังต้องอาศัยผู้มีรายได้สูง

นอกจากนี้ การเติบโตเศรษฐกิจไทยไตรมาสสี่ยังเผชิญปัจจัยฐานสูงไตรมาสสี่ปีที่แล้ว ทิศทางการค้าโลกยังคงชะลอตัวลงซึ่งจะทำให้ภาคส่งออกและภาคท่องเที่ยวในไตรมาสสี่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย มาตรการการเก็บภาษีนำเข้าจากจีนของสหรัฐฯเริ่มบังคับใช้เมื่อ 6 กรกฎาคม เริ่มส่งผลกระทบทางอ้อมต่อการส่งออกเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์บ้างแล้ว โดยเฉพาะมูลค่าส่งออกสินค้าดังกล่าวที่ส่งไปจีนในเดือนสิงหาคมหดตัวกว่า 10% การส่งออกแผงโซลาร์และกลุ่มเครื่องซักผ้าไปยังสหรัฐฯก็มีการหดตัวในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ สินค้ากลุ่มยางแผ่น ไม้แปรรูป เม็ดพลาสติกและเคมีภัณฑ์ ที่ส่งออกไปจีนจะได้รับผลกระทบจากมาตรการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนของสหรัฐฯมากยิ่งขึ้นในไตรมาสสี่ ส่วนการลงทุนภาคเอกชนยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ


ทั้งนี้ แม้สหราชอาณาจักรสามารถบรรลุข้อตกลงรูปแบบความสัมพันธ์ใหม่กับสหภาพยุโรปก่อนออกจากอียูในวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2562 โดยข้อตกลงยังคงรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกับอียูต่อไปเป็น Soft Brexit ไม่ใช่ Hard Brexit หรือ ออกจากอียูโดยไม่มีข้อตกลง No Deal Brexit การมีข้อตกลงที่ยังคงรักษาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับอียูต่อไป หรือ Soft Brexit ช่วยลดผลกระทบในทางลบต่อเศรษฐกิจโลก ระบบการค้าโลก และ เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจสหราชอาณาจักรและอียูมากกว่า ส่วน No Deal Brexit นั้นจะสร้างผลกระทบต่อสหราชอาณาจักรและอียูมากพอสมควร เนื่องจากสหราชอาณาจักรส่งออกไปยังอียู 44-45% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมดจะถูกเก็บภาษีนำเข้าและมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีเหมือนประเทศนอกกลุ่มสหภาพยุโรป นอกจากนี้จะมีการปรับโครงสร้างธุรกิจของอียูและสหราชอาณาจักรที่มีห่วงโซ่อุปทานเชื่อมโยงกัน ภาวะดังกล่าวหลังข้อตกลง Brexit ทำให้กลุ่มธุรกิจในสหราชอาณาจักรให้ความสำคัญกับตลาดใหม่ๆรวมทั้งสร้างโอกาสของไทยในการดึงดูดการเคลื่อนย้ายการลงทุนอีกด้วย

กรณีเป็น Hard Brexit หรือ No Deal Brexit ส่วนผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยนั้นยังคงจำกัด ไม่ว่าจะมีข้อตกลง Brexit แบบไหน ไทยควรมองว่าเป็นโอกาสในการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าการลงทุนกับสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นโดยทำข้อตกลงเพิ่มเติมแบบทวิภาคี การส่งออกสินค้าไทยไปสหราชอาณาจักรมีสัดส่วนราว 1.5% ของมูลค่าส่งออกทั้งหมด ไทยสามารถเพิ่มมูลค่าส่งออกไปอยู่ที่ระดับ 3% ของมูลค่าส่งออกได้เนื่องจากมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีจะไม่เข้มงวดเท่าอียู ส่วนอียูนั้นไทยควรเตรียมการเพื่อการเจรจาทำข้อตกลงการเปิดเสรีทางการค้าเอฟทีเอเอาไว้และสามารถเดินหน้าทำข้อตกลงได้หลังการเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตาม ยังมีความไม่แน่นอนจากปัญหาการเมืองภายในสหราชอาณาจักรซึ่งอาจสร้างความไม่แน่นอนต่อการทำข้อตกลงที่นายกรัฐมนตรีเทราซา เมย์ได้ทำไว้กับอียูในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา