คาด“แบล็ค ฟรายเดย์”ทำยอดขายพุ่งแซงหน้าวันคนโสดจีน

คาด“แบล็ค ฟรายเดย์”ทำยอดขายพุ่งแซงหน้าวันคนโสดจีน

เอ็นอาร์เอฟ คาดการณ์ว่า ชาวอเมริกันจะใช้จ่ายในเทศกาลวันหยุดปลายปีคือตั้งแต่ปลายเดือน พ.ย. - ปลายเดือน ธ.ค. รวมมูลค่า 720,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นประมาณ 4.5% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว

เทศกาลแบล็ค ฟรายเดย์( Black Friday)ตรงกับวันศุกร์แรกหลังเทศกาลขอบคุณพระเจ้า และถือเป็นการเริ่มต้นมหกรรมช้อปปิ้งปลายปีของชาวตะวันตก ที่จะรวมถึงสินค้าที่จะถูกนำไปใช้เป็นของขวัญในวันคริสต์มาส ทำให้บรรดาห้างสรรพสินค้า ตลอดจนซูเปอร์มาร์เก็ตไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ จะจัดสินค้าลดราคามาวางจำหน่ายในจำนวนจำกัด 

ทั้งนี้ บรรดานักช็อปต้องต่อไปรอต่อแถวกันตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อจะได้ซื้อของถูกได้ทันเวลา และทุกปีจะมีปัญหาด้านการจัดระบบไม่ดีพอ ทำให้ผู้คนกรูกันวิ่งเข้าแย่งชิงสินค้า จนกลายเป็นจลาจลย่อยๆ และเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตกมาจนทุกวันนี้

โกลบอลดาตา รีเทล ประเมินว่า ยอดขายสินค้าในอเมริกาในช่วงสุดสัปดาห์วันแบล็ค ฟรายเดย์ ปีนี้ จะสูงเกือบ 60,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 5.7% จากปีที่แล้ว และถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี คือตั้งแต่ปี2554

โกลบอลดาต้า รีเทล คาดการณ์ด้วยว่า ปีนี้ผู้บริโภคอเมริกันจะใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 5.3% โดยเฉลี่ย โดยส่วนที่เพิ่มขึ้นนั้นเชื่อว่าจะเป็นการซื้อสินค้าออนไลน์

ขณะที่สมาพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติสหรัฐ (เอ็นอาร์เอฟ)ประเมินว่า ปีนี้จะมีชาวอเมริกันวางแผนซื้อสินค้าในสัปดาห์นี้ 164 ล้านคน ครอบคลุมสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งทำให้สัปดาห์แห่งวันขอบคุณพระเจ้ายังคงน่าดึงดูดมากกว่าวันคนโสด หรือ 11 พ.ย. ที่ผ่านมา

ส่วนนิตยสารฟอร์บส์ ระบุว่า สินค้าที่น่าสนใจในเทศกาลวันขอบพระคุณพระเจ้า ยังคงเป็น สมาร์ทโฟน และอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ต่างๆ ส่วนวันไซเบอร์ มันเดย์ (Cyber Monday) มักเป็นการจับจ่ายสำหรับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ แพ็คเกจทัวร์ และตั๋วเครื่องบินลดกระหน่ำส่งท้าย