อียูทุ่มโครงการวิจัยใช้ AI ในอุตสาหกรรมยาง-พลาสติก

อียูทุ่มโครงการวิจัยใช้ AI ในอุตสาหกรรมยาง-พลาสติก

ดร.อดิสรแห่งเนคเทค ฉายภาพความพยายามใช้เทคโนโลยีเอไอ ทำให้โรงงานฉลาดขึ้นกลายเป็น Smart Factory ในอุตสาหกรรมยางและอุตสาหกรรมพลาสติก ยกตัวอย่างโครงการวิจัยขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมพลาสติกที่สหภาพยุโรป

ปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence เรียกย่อๆ ว่า AI เป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจและเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่อยู่ในโทรศัพท์มือถือ เพื่อทำให้โทรศัพท์มือถือฉลาดขึ้น ถ่ายรูปได้สวยขึ้น แต่ยังสามารถใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้หลากหลาย ทั้งไอที ดิจิทัล เกษตร การแพทย์รวมทั้งอุตสาหกรรมการผลิตที่ทำให้โรงงานฉลาดขึ้นกลายเป็น Smart Factory โดยทำหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งอยู่ในโรงงาน


ตัวอย่างการนำ เอไอ มาใช้ในโรงงานในยุคอุตสาหกรรม (Industry 4.0) เช่น เพื่อการบำรุงรักษาเครื่องจักรแบบทำนายล่วงหน้า มีการใช้ Machine-learning algorithm เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลและเรียนรู้ข้อมูลตลอดช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทำให้เราสามารถทำนายความเสียหายที่ “อาจจะ” เกิดกับเครื่องจักร เนื่องจากมีการสึกหรอหรือใช้งานอย่างไม่ถูกต้อง ในอุตสาหกรรมผลิตยางรถยนต์และอุตสาหกรรมพลาสติกก็เช่นเดียวกัน เอไอ ช่วยให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตยางรถยนต์ให้ได้สูงสุด ปัจจุบันโรงงานผลิตยางรถยนต์ใช้ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ แทนมนุษย์เกือบ 100% ดังนั้น การใช้เซ็นเซอร์และซอฟต์แวร์เพื่อช่วยควบคุมการผลิต จึงเป็นโอกาสที่ เอไอ จะสามารถเข้ามาช่วยยกระดับประสิทธิภาพการผลิต เช่น โรงงานผลิตยางรถยนต์ในเยอรมนีเริ่มนำ เอไอ มาใช้ร่วมกับ บิ๊กดาต้า และ อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (IoT) ช่วยวิเคราะห์การทำงานของหุ่นยนต์และเครื่องจักร ทำให้สามารถทำนายยางรถยนต์ที่เสียหรือตกเกรดในกระบวนการผลิตเมื่อมีความผิดพลาด และแจ้งเตือนให้เข้าซ่อมแซมหุ่นยนต์และเครื่องจักรได้เร็วกว่ามนุษย์ ช่วยลดการสูญเสียวัตถุดิบ และช่วยทำให้ไม่ต้องหยุดสายพานการผลิต


อุตสาหกรรมพลาสติกก็มีการนำ เอไอ มาใช้ เช่น ในสหภาพยุโรปมีการสนับสนุนโครงการวิจัยขนาดใหญ่ เพื่อนำ เอไอ มาใช้ในอุตสาหกรรมการขึ้นรูปด้วยการฉีดพลาสติก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงงานขนาดเล็กระดับเดียวกับเอสเอ็มอีในบ้านเรา มีมากมายกระจายอยู่ทั่วสหภาพยุโรป เรียกชื่อโครงการนี้ว่า Des-mold ตั้งเป้าจะเพิ่มประสิทธิภาพการฉีดพลาสติกให้ได้อย่างน้อย 15% โดยลดเวลาการเตรียมเครื่องจักร ลดการทิ้งชิ้นส่วนที่เสียหาย และลดการใช้พลังงาน โดยปกติแล้วการฉีดขึ้นรูปพลาสติกเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน ต้องมีการออกแบบแม่พิมพ์ที่ละเอียดและการเลือกวัตถุดิบที่เหมาะสม โดยเฉพาะการฉีดขึ้นรูปชิ้นส่วนพลาสติกขนาดเล็กและมีรายละเอียดที่ต้องการความแม่นยำสูง ที่ผ่านมากว่าจะสามารถเริ่มการผลิต ต้องมีการทดสอบแบบแม่พิมพ์แบบลองผิดลองถูก (trial-and-error) ทำให้เสียเวลาและมีต้นทุนสูง โดยเฉลี่ย 5% ของชิ้นงานผลิตจะถูกทิ้งไปจนกว่าเครื่องจักรและกระบวนการผลิตจะเข้าที่เข้าทาง


ดังนั้น ในโครงการ Des-mold จึงใช้เทคโนโลยีเอไอเพื่อรวบรวมข้อมูลของตัวแปรทั้งหมดในกระบวนการผลิต ซึ่งมาจากทั้งความเชี่ยวชาญของช่าง และแบบจำลองคอมพิวเตอร์ ทำให้ลดเวลาในการเตรียมการผลิต (set-up time) ได้ถึง 25% ดังนั้น เอไอ จึงนับว่าเป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตยางและพลาสติกให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มีผลตอบแทนสูงขึ้น ส่วนที่กังวลว่า เอไอ จะมาแย่งงานมนุษย์ น่าจะไม่เป็นอย่างนั้นเพราะเราต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอมากยิ่งขึ้น ใครที่ทำงานใช้สมองก็จะมีงานทำมากยิ่งขึ้น ใครที่ทำงานใช้แรงงานหรือทำงานซ้ำๆ ไม่ต้องการฝีมือ ก็จะถูกหุ่นยนต์ทำงานแทน... เตรียมตัวกันให้ดีครับ

*บทความโดย ดร.อดิสร เตือนตรานนท์ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ และ เมธีวิจัยอาวุโส สกว.