DOD - ซื้อ

DOD - ซื้อ

คงประมาณการกำไรสุทธิปี 61 แต่ปรับประมาณการปี 62 เพิ่มขึ้น 11%

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

  • กำไรสุทธิ 3Q61 อยู่ที่ 73 ลบ. ลดลง 34%QoQ แต่เติบโต 169%YoY : รายงานกำไรสุทธิ 3Q61 อยู่ที่ 73 ลบ. ลดลง 34%QoQ แต่เติบโต 169%YoY จากยอดขายที่เติบโตอย่างโดดเด่น 103%YoY สู่ 157 ลบ. หลังบริษัทย้ายที่ตั้งโรงงานใหม่ ที่มีพื้นที่ใหญ่กว่า ทำให้สามารถผลิตและส่งมอบสินค้าได้ตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งบริษัทสามารถควบคุมต้นทุนได้จากการประหยัดต่อขนาดการผลิต(economies of scale) ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 3Q60 ที่ 59% สู่ 64% และอัตรากำไรสุทธิจาก 3Q60 ที่ 35% สู่ 46% โดยกำไรสุทธิในงวด 9M61 อยู่ที่ 296 ลบ. เพิ่มขึ้น 157%YoY คิดเป็น 82% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 61 ที่ 359 ลบ.
  • คงประมาณการกำไรสุทธิปี 61 แต่ปรับประมาณการปี 62 เพิ่มขึ้น 11% : เราคงประมาณการกำไรปี 61 โดยคาดกำไร 4Q61 ราว 63 ลบ. ลดลง 14%QoQ แต่เติบโต 245%YoY และปรับประมาณการกำไรปี 62 ขึ้นจาก 395 ลบ. สู่ 439 ลบ. เพิ่มขึ้น 11% เนื่องจากบริษัทมีปัจจัยบวกเข้ามาต่อเนื่องจากการขยายช่องทางการจำหน่ายไปยังต่างประเทศ พร้อมทั้งโอกาสการซื้อกิจการที่จะหนุนการเติบโตให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีโอกาสเพิ่มอัตรากำไรจากโรงงานสกัดวัตถุดิบแห่งที่ 2 โดยเราปรับสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นสำหรับปี 62 เพิ่มขึ้นจาก 61% เป็น 65% และอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 48% เป็น 51% ตามลำดับ
  • เริ่มขยายไปยังจีน พร้อมทั้งมีแผนลงทุนในบริษัทเครื่องสำอาง: บริษัทได้เริ่มขยายช่องทางการตลาดไปยังต่างประเทศ ซึ่งเริ่มขยายไปยังประเทศจีนโดยการร่วมลงนามเซ็น MOU กับ CNR MALL และสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน ในการเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร - วิตามิน ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย - ยาแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ และเครื่องสำอาง ผ่านช่องทางการจำหน่าย TV shopping ของ CNR MALL ช่องสถานีโทรทัศน์ CCTV อีกทั้งบริษัทเปิดเผยว่ามีศึกษาการเข้าซื้อหุ้นบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ด้านความงาม คิดเป็นเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 400 ล้านบาท คาดว่าจะใช้เงินสดที่ได้รับหลังจากระดมทุนเข้ามาในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่า ดีลดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค.61 มองว่าหากธุรกิจที่บริษัทได้เข้าไปร่วมลงทุน เป็น
    แบรนด์ที่เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอยู่แล้ว และมูลค่ามีความสมเหตุสมผลกับเงินลงทุน จะเป็นปัจจัยหนุนต่อการเติบโตของบริษัทในอนาคต
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเหมาะสมปี 62 ที่ 18.20 บาท: เราประเมินราคาเหมาะสมโดยอิง Prospect PER ที่ 17 เท่า ต่ำกว่าธุรกิจที่ใกล้เคียงกันในตลาดหลักทรัพย์ที่ 25.4 เท่า (เฉลี่ยจาก MEGA และ APCO) จากความกังวลเรื่องความต่อเนื่องของรายได้จากการรับจ้างผลิตสินค้า ได้ราคาเหมาะสมปี 62 ที่ 20 บาท ซึ่งมีอัพไซต์จากราคาปิดล่าสุดราว 32% จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

ปัจจัยสนับสนุน

        1. บริษัทมีลูกค้าเข้ามาต่อเนื่อง

        2. ผลิตภัณฑ์ในแบรนด์ของตนเองได้รับการตอบรับที่ดี

        3. การขยายไปต่างประเทศประสบความสำเร็จ

        4. การเข้าซื้อธุรกิจลุล่วงไปด้วยดี และได้ราคาที่สมเหตุสมผล

 ความเสี่ยง

        1. สินค้ามี Product Life Cycle ค่อนข้างสั้น(1-1.5 ปี)

        2. ธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีการแข่งขันสูง