รีบาวด์ต่อ

รีบาวด์ต่อ

SET Index วานนี้พลิกกลับมาปิดบวก หลังจากการประกาศตัวเลขการส่งออกภายในประเทศ เดือน ต.ค. ขยายตัว 8.7% สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ราว 3.5-4.0%

นอกจากนี้ ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ที่พลิกกลับมาบวก ยังเป็นอีกแรงหนึ่งที่ช่วยหนุนตลาด ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,617.33 จุด (+5.30 จุด) Volume 4.7 หมื่นลบ. จาก Foreign Net  -786.83 ลบ. TFEX Net -5,417 สัญญาตราสารหนี้ +7,278 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ดาวโจนส์ทรงตัวได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มอินเตอร์เน็ต, เทคโนโลยีและภาคพลังงาน ก่อนหน้าวันหยุดวันขอบคุณพระเจ้า

+น้ำมันพุ่งขึ้นหลังข้อมูลรัฐบาลสหรัฐฯพบอุปสงค์เชื้อเพลิงกลั่นแข็งแกร่ง

+สหรัฐเผยยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 1.4%

+พาณิชย์ เผยส่งออก ต.ค. ขยายตัว 8.7% จากตลาดคาดโต 3.5-4.0%, 10 เดือนแรกโต 8.19%

-ผู้ขอสินเชื่อจำนองสหรัฐลดลง 0.1% ขณะที่ผู้ขอสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้น 3,000 ราย ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนปรับตัวลง 4.4% และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ 97.5

-OECD คงคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้ แต่ปรับลดในปีหน้า ขณะเตือนผลกระทบสงครามการค้า

-สหภาพยุโรปคว่ำงบประมาณอิตาลี พร้อมเตรียมลงโทษสั่งปรับ เหตุขาดดุลพุ่ง

-สหรัฐกล่าวหาจีนยังคงขโมยทรัพย์สินทางปัญญาและเทคโนโลยี แม้สงครามการค้ายังไม่คลี่คลาย

-ก.ท่องเที่ยวฯ เผยยอดนทท.ต่างชาติ ต.ค.61 หดตัว 0.51% เป็นผลจากนทท.จีนเดือนต.ค.ชะลอตัว20%YoY, 10 เดือนโตเฉลี่ย 7.84%

+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 2.81 แสนล้านบาท ค่าเงินบาท 32.89 บาท/US

คาดดัชนีมีโอกาสรีบาวด์ได้สูงตามตลาดเพื่อนบ้าน โดยได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นและก.พาณิชย์เผยตัวเลขยอดส่งออกปรับตัวขึ้น 8.7% ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ อย่างไรก็ตามนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบันยังคงมีสถานะขายทำให้มองว่ายังไม่ผ่านต้าน 1,632 จุด คาดกรอบดัชนี 1,611 -1,632 จุด

กลยุทธ์การลงทุน  

- ลุ้นคลังออกมาตรการช็อปช่วยชาติ CPALL HMPRO ROBINS CPN MINT CENTEL M MAKRO

- หุ้นแนะนำประจำเดือน พ.ย. AUCT XO KKP

- Low Beta High Dividend ASK TISCO KKP SPRC TOP TKS

-เงินบาทอ่อนค่าสู่ 32.89 หนุนกลุ่มส่งออก CPF SVI XO

- หุ้น Theme EEC play : AMATA, WHA, EASTW, ATP30, ORI

- MSCI Global Standard หุ้นเข้า : GULF MTC Small Cap หุ้นเข้า : CBG MBK PRINC

หุ้นแนะนำพิเศษ

PORT Analyst Meeting (ราคาปิด 6.80 : มุมมองPositive)

  • 9M61 มีกำไรสุทธิ 100 ลบ. +156% มากกว่ากำไรทั้งปี 60 จำนวน 62 ลบ. %NP ปรับดีขึ้นเป็น 7% จาก 4% ในงวด 9M60 กำไรมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจาก

1) ปริมาณการให้บริการที่เพิ่มขึ้นทั้งบริการท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์ทั้งเรือใหญ่ (Feeder)+141% และเรือชายฝั่ง (Barge)+25% สามารถสร้างรายได้หลักเพิ่มขึ้นจนได้ประโยชน์จาก Economies of Scales จากการมีต้นทุนคงที่กว่า 40% 2) ผลการดำเนินงานของบริษัทย่อย (BBT บริษัทถือหุ้น 51%) ที่ร่วมมือกับสายเดินเรือ “ONE line” เริ่มพลิกมีกำไร

3) บริษัทย่อย (BCDS บริษัทถือหุ้น 99.99%) ขยายพื้นที่ให้บริการ Depot เป็นส่วนงานที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูง ให้บริการเต็มปีในปีนี้

4) เป็นท่าเรือเอกชนรายเดียวที่มีบริการ "Mobile X-Ray"ของศุลกากรในพื้นที่ให้บริการที่ช่วยลดเวลาทำงานไม่ต้องไปเข้าระบบที่แหลมฉบังและช่วยลดคชจ.

5) โอกาสเติบโตแบบ inorganic จากดีลซื้อธุรกิจโลจิสติกส์ 1 รายภายในสิ้นปีนี้

  • ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อศักยภาพในการเติบโตในอนาคตจากการเป็นผู้ประกอบการท่าเรือพาณิชย์รายเล็กที่ให้บริการ Full Service และการเป็น Partner กับสายเรือใหญ่ของโลก ช่วยหนุนให้ปริมาณการให้บริการเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่ภาพรวมรวมอุตสาหกรรมท่าเทียบเรือขนสินค้าที่มีผู้แข่งขันน้อยรายและธุรกิจโลจิสติกส์มีแนวโน้มเติบโตสูง

AUCT ราคาปิด 6.25 บาท ซื้อ ราคาเหมาะสม 8.90 บาท

  • AUCT ตุนพอร์ตรถยนต์รอประมูลเพียบ ตอกย้ำไม่มีความกังวลว่าจะเกิด Supply ส่วนเกิน เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาประมูล เป็นเต็นท์รถมือสอง และหันมาจัดการประมูลทาง Live Facebook และ Social Media อื่นๆ เปิดช่องทางลูกค้ารายย่อยเข้าร่วมประมูลเพิ่มขึ้น หนุนการดำเนินงานให้มีกำไรโดดเด่น
  • ความเห็น คาดกำไรปี 61 ราว 164.8 ลบ. +58.5%YoY เติบโตตามอุตสาหกรรมรถยนต์ภายในประเทศ ประกอบกับการรุกตลาดของบริษัททาง Social Media โดยล่าสุด วันที่ 30 พ.ย.นี้ เตรียมเปิดตัว Application บนโทรศัพท์มือถือ เพื่อจูงใจลูกค้ารายย่อย และหวังเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ช่วยหนุนการเติบโต
  • SAMART ภาพรวมผลประกอบการของกลุ่มในปี 2561 อยู่ในทิศทางที่ดี ที่ผ่านมาบริษัทฯได้ปรับกลยุทธ์ธุรกิจทั้งในส่วนของ SAMART และบริษัทในเครือทั้งหมด โดยเฉพาะ SDC ที่มีการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ แม้ผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2561 จะยังผลขาดทุนสุทธิ แต่ในส่วนของกำไรขั้นต้นถือว่าเริ่มอยู่ในทิศทางที่ดี ผู้บริหารยังคงเป้าหมาย Backlog สิ้นปีของทั้งกลุ่มไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันมีแล้วกว่า 1 หมื่นล้านบาท และตอนนี้ก็ชนะประมูลงานหลายโครงการ ถ้าเซ็นสัญญาทันภายในปีนี้ ทำให้รายได้ และ Backlog ได้ตามเป้า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเตรียมรับงานใหม่เข้ามาเพิ่มเติม  (ที่มา มิติหุ้น)

หุ้นมีข่าว   

CK Analyst Meeting ราคาปิด 24.90 บาท Bloomberg Consensus 31.41 บาท

·         รายงานกำไร 3Q61 เท่ากับ 1,283 ลบ. +105.3%YoY +137%QoQ ถึงแม้มีรายได้จากการก่อสร้าง เท่ากับ 7,202.8 ลบ. -18.8%YoY -4.8%QoQ เนื่องจากโครงการเขื่อนไซยะบุรีใกล้แล้วเสร็จ อย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทลูกเติบโตดี เท่ากับ 1,042.2 ลบ. +265.8%YoY +279.7%QoQ  (CKP – เขื่อนน้ำงึมเติบโตดี และ BEM – มีรายการพิเศษจากการขายเงินลงทุน) ขณะที่กำไร 9M61 เท่ากับ 2,126.1 ลบ. +33.3%YoY

·         สถานะ Blacklog ปลาย 3Q61 คงเหลือราว 5.5 หมื่นลบ. (เพียงพอที่จะรับรู้ได้อีก 2 ปี) ขณะที่ YTD สามารถประมูลงานใหม่เข้ามาเพียงแค่ 5.4 พันลบ. อย่างไรก็ตาม CK ยังรอลุ้นผลการประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งคาดว่าจะประกาศผลผู้ชนะในวันที่ 3 ธ.ค.นี้  มูลค่าราว 2.3 แสนลบ.(สัดส่วนในโครงการ CP 70% ,BEM 10% ,CK 5% ,ITD 5% และ CRCC 10%) นอกจากนี้ ช่วงต้นปี62 มีโครงการประมูลที่ CK สนใจเข้าร่วมประมูลหลายโครงการ ได้แก่ โครงการสนามบินอู่ตะเภา โครงการรถไฟความเร็วสูงกทม.-โคราช โครงการสร้างศูนย์การแพทย์ที่ขอนแก่น โครงการทางด่วนพระราม3-ดาวคะนอง โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง  และโครงการทางยกระดับ(บางปะอิน-นครราชสีมา บางใหญ่-กาญจนบุรี) มูลโครงการรวมราว 5.6 แสนลบ.

·         ความเห็น : แนวโน้ม 4Q61 คาดว่าจะอ่อนตัวเนื่องจากไม่มีการรับรู้กำไรพิเศษเหมือนในไตรมาส และปี62 คาดว่ารายได้จะทรงตัวแถว 3 หมื่นล้านบาทเนื่องจากจำนวน Backlog ที่ยังคงลดลง อย่างไรก็ตาม หาก CK ชนะการประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน จะช่วยเติม Backlog เพิ่มขึ้นอีกราว 5 หมื่นลบ. และเป็น catalyst ของราคาหุ้น

·         JKN (ราคาปิด 11.80 ราคาเหมาะสม อยู่ระหว่างการปรับประมาณการเชิงบวก) ฐานธุรกิจการเงินแกร่ง มีสตอรี่หนุนบานคาดไตรมาส 4/2561 กำไรเติบโตโดดเด่นเตรียมส่งมอบคอนเทนต์ให้ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล และได้เซ็นสัญญาจำหน่ายซีรีส์อินเดียกับช่อง 5 เริ่มออกอากาศพ.ย.นี้ อีกทั้งขายซีรีส์อินเดีย-ละครไทยป้อนต่างประเทศ (ที่มา ทันหุ้น)

·         ความเห็น : คาดว่ากำไรสุทธิช่วง 4Q61 ของบริษัทจะเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดจากฐานที่ต่ำใน 4Q60 อีกทั้งคาดว่าบริษัทจะได้รับเงินสดจากลูกหนี้การค้าเข้ามาจำนวนมาก ทำให้บริษัทมีเงินลงทุนเพียงพอสำหรับซื้อคอนเทนต์หรือทำโปรเจคการผลิตละครในอนาคตฝ่ายวิจัยคงคำแนะนำ"ซื้อ"โดยอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการปี 62 ในเชิงบวก ฝ่ายวิจัยคงคำแนะนำ"ซื้อ"โดยอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการปี 62 ในเชิงบวก

·         - GPSC กกพ.รับอุทธรณ์กรณี GPSC จะซื้อหุ้น GLOW คาดพิจารณาแล้วเสร็จภายใน 30 วัน

·         - AOT แตะเบรก “สร้างอาคารผู้โดยสารสุวรรณภูมิ หลัง 2” เหตุหลายฝ่ายกังขาอยู่นอกแผนแม่บทฯ รอความเห็น ICAO และอัยการก่อน “นิตินัย” ระบุชัดต้องรื้อร่างทีโออาร์ดิวตี้ฟรีใหม่ ประมูลเฉพาะพื้นที่เดิมและพื้นที่อาคารเทียบเครื่องบินหลังที่ 1 เท่านั้น ตัดพื้นเทอร์มินอล 2 ออกไปก่อน หวั่นรายใหม่เข้าพื้นไม่ทันปี 2563 ยอมรับ AOT เสียโอกาสสร้างรายได้จากการขยายพื้นที่รองรับผู้โดยสารเพิ่ม (ที่มา ข่าวหุ้น)

·         AMATA เซ็นสัญญาซื้อน้ำอุตสาหกรรมจาก EASTW ป้อนนิคมฯ "อมตะซิตี้ ระยอง"ระยะเวลา 30 ปี โดย  EASTW จะเริ่มดำเนินการวางท่อและระบบส่งน้ำเข้าสู่บ่อกักเก็บน้ำภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยองตั้งแต่ต้นปี 62 และเริ่มจ่ายน้ำได้ภายในเดือน พ.ค.63 ในปริมาณวันละ 15,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน (ที่มา : IQ)