‘บาท’ เปิดตลาดเช้านี้ ‘อ่อนค่า’ ที่ 32.99 บาทต่อดอลลาร์

‘บาท’ เปิดตลาดเช้านี้ ‘อ่อนค่า’ ที่ 32.99 บาทต่อดอลลาร์

ค่าเงินบาทจะถูกกดดันด้วยแรงแข็งค่าของดอลลาร์และตลาดการเงินโลกยังปิดรับความเสี่ยงกังวลเศรษฐกิจชะลอตัวในปีหน้าและการเมืองสหรัฐมีความไม่แน่นอนสูง

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดเช้าวันนี้ที่ระดับ 32.99 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงจาก 32.97 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วงปิดสิ้นวันทำการก่อน 

สำหรับคืนที่ผ่านมา ตลาดการเงินโลกอยู่ในโหมดปิดรับความเสี่ยง (Risk Off) ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ทั้งในสหรัฐและยุโรป ต่างปรับตัวลง 1-2% เนื่องจากความกังวลกับเศรษฐกิจที่จะชะลอตัวในปีหน้า จึงเทขายทำกำไรหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มค้าปลีก พร้อมกับที่ราคาน้ำมันก็ปรับตัวลงต่อถึง 7% ภายในวันเดียว ล่าสุดน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลงแตะระดับ 62 ดอลลาร์ต่อบาเรลล์ล้างกำไรในปีนี้ทั้งหมด โดยรวมจึงส่งผลให้อารมณ์ของนักลงทุนในตลาด เอนเอียงไปในทิศทางระมัดระวังตัวมาก

นอกจากนี้การเมืองของสหรัฐก็ยังมีความไม่แน่นอนสูง ล่าสุดแม้โดนัลด์ ทรัมป์จะส่งสัญญาณในเชิงบวก ว่าอาจหาข้อสรุปเรื่องการค้ากับจีนได้ พร้อมกับกดดันธนาคารกลางสหรัฐให้หยุดขึ้นดอกเบี้ย แต่ตลาดก็ไม่ให้น้ำหนักมากนัก สวนทางกับจังหวะที่ทรัมป์ส่งสัญญาณว่าจะไม่มีการลงโทษซาอุดิอาระเบียเพิ่มเติมจากปัญหาการฆาตกรรมนักข่าวที่ตลาดรับข่าวและเทขายน้ำมันทันที

วันนี้ค่าเงินบาทจะถูกกดดันด้วยแรงแข็งค่าของดอลลาร์และตลาดการเงินที่ปิดรับความเสี่ยง ในระยะสั้นแม้การปรับตัวลงของราคาน้ำมันจะเป็นบวกต่อเศรษฐกิจไทย แต่ตลาดการเงินในประเทศก็จะถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงานซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มใหญ่ โดยรวมมุมมองการลงทุนจึงยังไม่เป็นบวก

มองกรอบค่าเงินบาทวันนี้ 32.95-33.05บาทต่อดอลลาร์

นักบริหารเงินธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า  ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ โดยดัชนีดอลลาร์(DXY) ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 96.82จุด  หลังตลาดปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดเข้าหาสินทรัพย์ที่ดูน่าจะปลอดภัยในช่วงตลาดผันผวนหนักอย่างดอลลาร์และค่าเงินเยน  

ที่น่าสนใจก็คือ แม้ว่าตลาดหุ้นทั่วโลกจะปรับตัวค่อนข้างหนัก หลุมหลบภัย(Safe haven asset)ปกติของตลาด อย่างค่าเงินเยนกลับไม่ได้รับความนิยมมากนัก ซึ่งเป็นไปได้ว่า ถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางญี่ปุ่นที่ยังคงเน้นย้ำถึงความจำเป็นของนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมาก เป็นปัจจัยหนึ่งที่กดดันไม่ให้ค่าเงินเยนแข็งค่าหนัก ท่ามกลางสภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาด  

นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนจากแรงเทขายค่าเงินยูโร(EUR)และปอนด์(GBP) จากปัจจัยความกังวลร่างงบประมาณของรัฐบาลอิตาลี รวมทั้งความเสี่ยงการเจรจาBrexit  

ในช่วงนี้ ตลาดยังคงมีโอกาสผันผวนต่อ เนื่องจากความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นไปได้ว่า สุดท้ายทั้งสองประเทศอาจจะไม่สามารถตกลงกันได้และอาจนำไปสู่มาตรการกำแพงภาษีที่มากขึ้น  ดังนั้นนักลงทุนและผู้ประกอบการจึงควรเตรียมรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายสุด ถ้าหากจีนและสหรัฐฯยังคงเดินหน้าทำสงครามการค้าต่อ  

สำหรับวันนี้ ตลาดจะจับตาตัวเลขยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน(core durable goods orders)ของสหรัฐฯ โดยนักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานอาจจะชะลอตัวลงเล็กน้อย ทว่ายังคงขยายตัวได้ราว 0.3% จากเดือนก่อนหน้า ท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง  และที่สำคัญตลาดจะจับตารายงานตัวเลขยอดน้ำมันดิบคงคลัง(Crude Oil inventories) โดยEIA ซึ่งตัวเลขที่เพิ่มขึ้นกว่าคาด (เกิน 3ล้านบาร์เรล )จะยิ่งกดดันราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากความกังวลแนวโน้มอุปทานน้ำมันที่เพิ่มมากกว่าคาด และแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันที่แย่ลง จากภาพเศรษฐกิจโลกชะลอตัว  

มองกรอบค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.90-33.05 บาทต่อดอลลาร์