หนุ่มแชทไลน์ลาโลกก่อนยิงตัวตาย น้อยใจเมียหอบผ้าหนีเข้ากรุงเทพฯ

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 18 พ.ย. 61 ร.ต.อ.รณภพ ทิพย์สุวรรณ รอง สว.สอบสวน สภ.บ้านผือ จ.อุดรธานี รับแจ้งเหตุมีคนยิงตัวตาย ที่บ้านเลขที่ 105 หมู่ 4 บ้านแหลมพัฒนา ต.หนองแวง หลังรับแจ้งจึงออกตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ ผกก.สภ.บ้านผือ แพทย์เวร รพ.บ้านผือ กู้ภัยอุดรสว่างเมธาธรรม

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียว ภายในห้องนอนพบศพ นายอนุรักข์ ปิ่นใส อายุ 21 ปี สภาพศพนอนหงาย สวมเสื้อโปโลแขนยาวสีน้ำเงิน กางเกงขายาวลายพลาง มีร่องรอยถูกยิงด้วยอาวุธปืนบริเวณขมับขวา กระสุนฝังใน แพทย์ระบุเสียชีวิตกว่า 6ชม. ที่เกิดเหตุพบอาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์วางอยู่ระหว่างขา ปลอกกระสุนปืน 1 ขนาด .22 จำนวน 1 ปลอก และโทรศัพท์มือถือผู้ตาย ที่มีการแชทไลน์กับภรรยาก่อนยิงตัวตาย เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวน นางบุญไทย ปิ่นใส อายุ 42 ปี แม่ผู้ตายให้การว่า ผู้ตายมีอาชีพทำนาช่วยพ่อแม่ มีครอบครัวแล้ว โดยแต่งงานตามประเพณีกับ น.ส.เอ นามสมมุติ อายุ 17 ปี คนบ้านเดียวกันได้ประมาณ 1 ปี ซึ่งลูกชายเป็นคนที่รักภรรยามาก แต่เมื่อเช้าวันที่ 17 พฤศจิกายน ลูกชายและภรรยาได้พาพ่อแม่และญาติพี่น้องทั้ง 2 ฝ่าย ไปตกลงกันที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน เพื่อขอแยกทางกัน สาเหตุน่าจะมาจากผู้หญิงต้องการไปทำงานที่กรุงเทพฯ หลังจากตกลงแยกทางกันแล้ว ลูกชายได้ออกไปเกี่ยวข้าวกับตน กลับมาถึงบ้านประมาณ 20.30 น. พบว่าภรรยาเก็บเสื้อผ้าออกจากบ้านไปแล้ว ลูกชายจึงปิดห้องเงียบไม่ออกมากินข้าว คิดว่าลูกชายคงจะเสียใจจึงไม่กล้ารบกวน

กระทั่งเช้าตื่นขึ้นมาไม่เห็นลูกชายออกมาจากห้อง ซึ่งปกติลูกจะเป็นคนตื่นเช้าไปช่วยเกี่ยวข้าว เห็นผิดสังเกตจึงเคาะประตูห้องเรียก ไม่ได้ยินเสียงตอบ และห้องไม่ได้ล็อคกุญแจ จึงเปิดประตูเข้าไป พบลูกชายนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด มือขวาถือปืนสั้นไทยประดิษฐ์ ที่ลูกชายประดิษฐ์ขึ้นมาใช้เอง ด้วยความตกใจตนจึงจับลูกชายพลิกขึ้นมา ก็พบว่าเสียชีวิตแล้ว จึงแจ้งตำรวจ

พ.ต.อ.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ ผกก.สภ.บ้านผือ สันนิษฐานว่า ผู้ตายเสียใจที่ภรรยาขอแยกทาง และเก็บเสื้อผ้าหนีไปกรุงเทพ ซึ่งผู้ตายรักภรรยามาก และทำใจไม่ได้ นอกจากนี้ยังพบข้อความแชทไลน์ในโทรศัพท์ผู้ตาย แชทคุยกับภรรยาสาวเมื่อเวลา 21.09 น. เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งภรรยาได้ขอโทษที่ไม่ได้บอกลา ผู้ตายได้แชทบอกลาภรรยาก่อนยิงตัวตายว่า “คนใจดำ ทิ้งอ้ายให้อยู่คนเดียว อ้ายขอโทษเด้อที่ทิ้งไป อ้ายไม่อยากอยู่แล้ว” ส่วนพ่อและแม่ไม่ได้ยินเสียงปืน คงเพราะเหนื่อยจากการเกี่ยวข้าว จึงนอนหลับสนิททำให้ไม่ได้ยินเสียงปืน ซึ่งทางญาติไม่ติดใจการเสียชีวิต จึงมอบศพให้นำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี