'บิ๊กโจ๊ก' แถลงจับผู้ต้องหาเปิดบริษัทนอมินี ให้ชาวต่างชาติ

'บิ๊กโจ๊ก' แถลงจับผู้ต้องหาเปิดบริษัทนอมินี ให้ชาวต่างชาติ

"บิ๊กโจ๊ก" แถลงจับ 5 นอมินีคนไทย ให้ต่างชาติใช้ชื่อเปิดบริษัท ผลไม้อบแห้ง รังนก และหมอนยางพารา

เมื่อวันที่16 พฤศจิกายน ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผบ.ตร. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม. ในฐานะรองผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรม ทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ร่วมแถลงผลการจับกุม 5 ผู้ต้องหา ประกอบด้วย นายจัว สุย สัญชาติจีน อายุ 32 ปี นางสาวปทิตตา นันทิชาชินภัค อายุ 51 ปี นายญาณเมธีหรือภัทรชัย แสนสนุก อายุ30ปี นายวิชัย ทวยหาญ อายุ 32 ปี และนางสาวพรศรี เจียมบุตร อายุ31 ปี สัญชาติไทย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเปิดบริษัทนอมีนีให้บุคคลต่างด้าว จับกุมได้เมื่อวานที่ผ่านมาย่านห้วยขวาง

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการร้องเรียนให้ทำการตรวจสอบ กรณีที่มีบุคคลต่างด้าวเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทย โดยมีการนำคนไทยเข้ามาเป็นหุ้นส่วน เพื่อให้สามารถทำการจัดตั้งบริษัทจำกัดได้ โดยไม่ขัดต่อระเบียบข้อบังคับ แต่คนไทยที่เป็นหุ้นส่วนดังกล่าว กลับไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในการร่วมลงทุน ดูแลบริหาร หรือได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินธุรกิจดังกล่าว ซึ่งการกระทำนั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อคนไทยและเศรษฐกิจในประเทศ อีกทั้งเพื่อเป็นการตรวจสอบบุคคลต่างด้าว ที่เข้ามาพักอาศัยอยู่ในประเทศไทย ตนเองจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ชุดปฏิบัติการที่ 14 และ 19 เข้าตรวจสอบ

ซึ่งต่อมาตำรวจศปอรส.ตร.ได้ทำการตรวจสอบบริษัทจิน เฮา ไท อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัดตั้งอยู่ที่ 78/4 ถ.ประชาราษฏร์บำเพ็ญ แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ ซึ่งดำเนินธุรกิจจำหน่ายผลไม้อบแห้ง รังนก และหมอนยางพารา จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า ได้มีการติดต่อว่าจ้างคนไทยให้มาร่วมจดทะเบียนและถือหุ้นแทนในการจัดตั้งบริษัท แต่กรรมการบริษัทผู้ถือหุ้นที่เป็นคนไทย ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารและไม่ได้รับผลประโยชน์หรือกำไรที่มาจากการประกอบธุรกิจดังกล่าว อีกทั้งเงินทุนในการเปิดกิจการ ก็เป็นของกรรมการบริษัทที่เป็นคนจีนทั้งสิ้น ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำในลักษณะ “นอมินี” โดยถือหุ้นแทนให้กับบุคคลต่างด้าว อันเป็นความผิดตาม มาตรา 36 พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 1 แสนบาท – 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

จึงรวบรวมหลักฐาน ขอหมายจับศาลอาญา จับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจำนวน2 ราย คือนายจัว สุย สัญชาติจีน ในข้อหา”เป็นคนต่างด้าว ยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทย ให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุน หรือร่วมกันประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยคนต่างด้าวนั้นมิได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจดังกล่าวหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่ผู้เดียวหรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในบริษัทจำกัด เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจ โดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่ง พ.ร.บ.การประกบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542”

ส่วนนางสาวปทิตตา นันทิชาชินภัค ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา และอีก 3 รายคือ นายญาณเมธีหรือภัทรชัย แสนสนุก นายวิชัยททวยหาญ นางสาวพรศรี เจียมบุตร เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา “เป็นผู้มีสัญชาติไทยให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุน หรือร่วมกันประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยคนต่างด้าวนั้นมิได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจดังกล่าวหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่ผู้เดียว หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในบริษัทจำกัด เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจ โดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่ง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542”