ขีดเส้น30วัน สรุปผลสอบข้อเท็จจจริงทุจริตเงินชุมนุมสหกรณ์ตรัง

ขีดเส้น30วัน สรุปผลสอบข้อเท็จจจริงทุจริตเงินชุมนุมสหกรณ์ตรัง

ผู้ว่าฯตรัง ขีดเส้น30วัน สรุปผลตรวจระบบบัญชีและสต๊อกยางพาราชุมนุมสหกรณ์ตรัง หลังอดีตผู้จัดการร่วมกับพวกและบริษัทคู่ค้าบางแห่งร่วมกันทุจริตจนทำให้ยางในสต๊อก และเงินของชุมนุมสูญหาย

กรณีพบการทุจริตการขายยางของ ชุมนุมสหกรณ์จังหวัดตรัง ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง จ.ตรัง หลังจากตรวจพบอดีตผู้จัดการฯกับพวกร่วมกันทุจริตฉ้อโกงยักยอกยางของชุมนุมฯไปขายให้กับบริษัทต่างๆรวมประมาณ 5 บริษัท โดยเฉพาะกับ 2 บริษัท ซึ่งเป็นของอดีตผู้จัดการที่ไปลักลอบจดทะเบียนจัดตั้ง แต่ไม่ได้ใช้ชื่อของผู้จัดการเอง และออกตั๋วสัญญาใช้เงิน 10 ฉบับๆละ 5 ล้าน รวม 50 ล้าน รวมทั้งความเสียหายกรณีชุมนุมขายยางให้กับบริษัทเอกชนบางแห่ง แต่ไม่ปรากฏว่ามีการโอนเงินเข้าบัญชีของชุมนุมสหกรณ์แต่อย่างใด

เมื่อวันที่ 16 พ.ย.61 นายลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง นำทีมคณะทำงานระดับจังหวัดตรังที่ได้ลงนามแต่งตั้งเมื่อวันศุกร์ที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตรวจสอบบัญชีสหกรณ์จังหวัดตรัง เจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบบัญชีสหกรณ์ที่ 9 ,เจ้าหน้าที่สหกรณ์จังหวัดตรัง, เจ้าหน้าที่สหกรณ์ในเขตพื้นที่ ,ฝ่ายปกครอง และตำรวจ เข้าไปที่ชุมนุมสหกรณ์จังหวัดตรัง ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง ซึ่งเป็นตลาดเครือข่ายตลาดกลางยางพาราจังหวัดสงขลา เพื่อเข้าทำการตรวจสอบระบบบัญชีภายในของชุมนุมฯ ทั้งหมด ทั้งการซื้อ-ขายยางกับบริษัทคู่ค้า , การรับฝากยางของสมาชิก , การนำยางของชุมนุมไปฝากไว้กับบริษัทเอกชน ผลประกอบการธุรกิจ โดยฝ่ายตรวจสอบบัญชีซึ่งมีความเชี่ยวชาญจากหน่วยงานที่กำกับดูแลได้เข้าทำการตรวจสอบระบบบัญชีทั้งหมดอย่างละเอียดมาตั้งแต่วันจันทร์เป็นต้นมา และยังต้องใช้เวลาในการตรวจสอบอีกนานหลายวัน เนื่องจากต้องตรวจเช็คในรายละเอียดของระบบบัญชีทั้งหมดให้สอดคล้องตรงกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำทีมคณะกรรมการระดับจังหวัดเริ่มทำการตรวจนับสต๊อกยางพาราด้วยการชั่งน้ำหนักยางที่เหลืออยู่ภายในชุมนุมสหกรณ์ทั้งหมด ทั้งยางของชุมนุม ฯเอง และยางที่สหกรณ์สมาชิกทั้งจังหวัด จำนวน 67 แห่ง นำมาฝากไว้ ว่ายอดคงเหลือกับบัญชีกำกับถูกต้องตรงกันหรือไม่ หรือหากหายไปหายไปจำนวนเท่าไร ที่ไหน อย่างไร และใครจะต้องรับผิดชอบโดยมีเจ้าหน้าที่ของชุมนุมสหกรณ์คอยให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

ทางด้านนายลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า การตรวจสอบระบบบัญชีและสต๊อกยางพาราทั้งหมดของชุมนุมสหกรณ์ในครั้งนี้ จะต้องใช้เวลา เพราะเอกสารเป็นจำนวนมาก ต้องละเอียดรอบคอบ และต้องประสานขอข้อมูลกับบริษัทคู่ค้าทั้ง 5 บริษัท ซี่งขณะนี้ยังไม่ได้ตอบรับข้อมูล โดยเข้าใจว่าอาจอยู่ระหว่างขั้นตอนของบริษัท และตนเองก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะต้องทำการตรวจสอบย้อนหลังไปกี่ปี กี่เดือน

โดยเบื้องต้นกำหนดไว้ภายใน 30 วัน จะต้องทราบข้อมูลเบื้องต้นก่อน ก็จะสามารถบอกได้ว่าทางจังหวัดและคณะกรรมการจะต้องสาวย้อนไปให้ถึงไหน อย่างไร ส่วนความเสียหายในเบื้องต้น บอกได้เพียงตามหลักฐานที่ปรากฎอยู่เท่าที่ทางชุมนุมสหกรณ์มีหลักฐานบางส่วนเท่านั้น ที่ทำไว้กับบริษัทคู่บริษัทหนึ่งรวมจำนวนกว่า 200 ล้านบาท ที่ขายยางไปให้แต่ได้รับเงินไม่ครบ อีกทั้งยางที่นำไปฝากไว้ก็หายไปด้วย รวมทั้งความเสียหายที่เกิดจากการที่อดีตผู้จัดการชุมนุมฯและอดีตประธานชุมนุมฯร่วมกันออกตั๋วสัญญาใช้เงินปลอมจำนวน 50 ล้านบาท นอกจากนั้นประสานปปง.และสรรพากร ตรวจสอบเส้นทางการเงินและภาษีของบุคคลที่เกี่ยวข้องทุกคน ส่วนความเสียหายทั้งระบบจะต้องให้การตรวจสอบบัญชีทั้งระบบแล้วเสร็จก่อนจึงสามารถประเมินค่าได้

ทางด้านพ.ต.ท.ประเสริฐ สงแสง รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.เมืองตรัง กล่าวว่า คดีที่ทางชุมนุมสหกรณ์เข้าแจ้งความเอาผิดกับนางนิตรดา อาจเส็ม อดีตผู้จัดการและพวกร่วมกันฉ้อโกง และปลอมแปลงเอกสาร ทำให้ชุมนุมสหกรณ์จังหวัดตรังเสียหายประมาณ 300 ล้านบาทนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบปากคำบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้องและการเรียกเอกสารหลักฐานต่างๆมาตรวจสอบ โดยในส่วนของอดีตผู้จัดการได้เรียกตัวมาสอบปากคำแล้ว และยังจะต้องสอบเพิ่มเติมต่อไป แต่เชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นานก็จะสามารถสรุปสำนวนได้