JUBILE - ซื้อ

JUBILE - ซื้อ

กำไร 3Q61 +14%YoYและ+5%QoQ พร้อมปรับประมาณการกำไรทั้งปีขึ้น

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

  • รายงานกำไร 3Q61 เติบโต 14%YoY และ 5%QoQ : รายงานกำไร 3Q61 ที่ 8 ล้านบาทเป็นไปตามคาดโดยเติบโต 14%YoY และเติบโต 5%QoQ โดยมีรายได้อยู่ที่ 359 ล้านบาทหดตัว 1%YoY และหดตัว 15%QoQ เนื่องจาก 2Q61 มีการจัดงาน Mid-Year Sale แต่ในไตรมาสนี้ไม่มีการจัดงานดังกล่าว ด้านยอดจำหน่ายต่อสาขา (SSSG) หดตัวเล็กน้อยจากลูกค้าในกรุงเทพฯ ชะลอการซื้อสินค้า ด้านสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายรวมปรับตัวขึ้น 1% จากไตรมาสก่อนหน้าสู่ 29.4% ของยอดขาย อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายที่เป็นตัวเงินปรับตัวลงจาก 120.7 ล้านบาทใน 2Q61 สู่ 105.8 ล้านบาทใน 3Q61 จากการใช้งบการตลาดที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรใน 3Q61 ที่ 50.8 ล้านบาท +14%YoY และ +5%QoQ โดยมีกำไร 9M61 ที่ 146 ล้านบาทคิดเป็น 74% ของประมาณการเดิม
  • คาด 4Q61 ผลประกอบการจะสูงที่สุดในปีนี้ : ฝ่ายวิจัยคาดผลประกอบการ 4Q61 อยู่ที่ราว 61 ล้านบาทเติบโต 20%QoQ แต่ -3%YoY โดย 4Q61 คาดว่ารายได้จะอยู่ที่ราว 440-460 ล้านบาท(ใกล้เคียง 4Q60 ที่ 442 ล้านบาท) เนื่องจากเป็น High season ของการขายเครื่องประดับเนื่องจากมีการซื้อเพื่อเป็นของขวัญช่วงปีใหม่ อีกทั้งบริษัทมีการเปิดตัว iMoment ซึ่งเป็นการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาทำการตลาด โดยเราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นอาจอ่อนตัวลงสู่ 44-45% จากการทำโปรโมชั่นเพิ่มเติม ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการออกอีเวนท์
  • ปรับเพิ่มประมาณการปี 61 และ 62 ขึ้น 5% และ 3% ตามลำดับ : เราปรับประมาณการกำไรปี 61 และ 62 ขึ้นจาก 197 ล้านบาทและ 216 ล้านบาทสู่ 207 ล้านบาทและ 224 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 5% และ 3% ตามลำดับ เนื่องจากกำไร 9M61 อยู่ที่ 146 ล้านบาท คิดเป็น 74% ของประมาณการเดิม แต่ด้วย 4Q61 จะเข้าสู่ช่วง High season อีกทั้งมีการเปิดสาขาอีก 5 สาขา (ทำการเปิดไปแล้ว 4 สาขา Terminal 21 พัทยา 2 สาขา และ Icon Siam อีก 2 สาขา) ยิ่งกว่านั้นบริษัทมีแผนออกอีเว้นท์และออกโปรโมชั่นใหม่อย่างต่อเนื่องรวมถึงการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ iMoment “บันทึกความทรงจำแห่งรัก ผ่านแหวนเพชร” ช่วยหนุนการเติบโตใน 4Q61 โดยเราปรับสมมติฐานโดยเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นจาก 43% สู่ 44.5% หลังบริษัทพิสูจน์แล้วว่ากลยุทธ์ใหม่สามารถสร้างกำไรได้ดีขั้น และปรับลดสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจาก 29.3% สู่ 27.5% ของยอดขายหลังบริษัทสามารถบริหารค่าใช้จ่ายทางการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • คงคำแนะนำ "ซื้อ" แต่ปรับราคาเหมาะสมลงสู่ 25.60 บาท : ฝ่ายวิจัยปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 62 โดยประเมินมูลค่าพื้นฐานด้วยวิธี P/E Ratio โดยปรับลด Prospective P/E ลงจาก 25 เท่า สู่ 20.0 เท่า (PE Ratio ย้อนหลัง 1 ปี) หลังรายได้และกำไรเริ่มชะลอการเติบโต โดยฝ่ายวิจัยคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 62 ที่ 1.28 บาทต่อหุ้นได้ราคาเหมาะสมใหม่ที่ 25.60 บาทต่อหุ้นลดลงจากเดิม 28.25 บาทต่อหุ้น แต่ราคาเหมาะสมใหม่ที่ประเมินได้ยังสูงกว่าราคาปิดล่าสุดจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

ความเสี่ยง :  การขยายสาขาล่าช้ากว่าแผน

              การทำกิจกรรมการตลาดได้ผลต่ำกว่าคาด