ปชป.สอบ 'ถาวร' เปิดบ้านให้ 'สุเทพ' หาสมาชิก รปช.

ปชป.สอบ 'ถาวร' เปิดบ้านให้ 'สุเทพ' หาสมาชิก รปช.

ปชป.สอบ "ถาวร" เปิดบ้านให้ "สุเทพ" หาสมาชิกรปช. โทษหนักถึงขั้นลบชื่อออกจากความเป็นสมาชิกพรรค หรือการให้บุคคลนั้นขาดจากความเป็นสมาชิกช่วงระยะเวลาหนึ่ง

เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 61 นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลภาคใต้ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายถาวร เสนเนียม อดีตส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เปิดบ้านพักในจ.สงขลา ให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย รับสมัครสมาชิกพรรค ว่า ตนทราบเรื่องนี้จากข่าวและคลิปวีดีโอที่มีผู้บันทึกภาพและเสียงของนายสุเทพไว้แล้ว โดยในตอนนั้นนายสุเทพพูดว่าพรรคประชาธิปัตย์จะพ่ายแพ้ในพื้นที่สงขลา เขต 7 และในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงนายถาวรจะได้เป็นเลขาธิการพรรคอยู่แล้ว ถ้าไม่ถูกโกง ซึ่งถือเป็นคำพูดที่รุนแรงมากต่อพรรคประชาธิปัตย์

เหตุการณ์นี้ทำให้สมาชิกพรรคจำนวนหนึ่งไม่สบายใจและรู้สึกสับสนมาก ว่า ทำไมจึงมีการปล่อยให้คนของพรรคอื่นมารับสมัครสมาชิกพรรคนั้น และปราศรัยโจมตีพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่สาขาพรรคประชาธิปัตย์เอง ซึ่งพื้นที่บ้านของนายถาวรถือเป็นที่ตั้งอดีตสาขาพรรคด้วย จึงมีสมาชิกพรรค 20 คน ทำหนังสือมาถึงตนขอให้สอบสวนข้อเท็จจริง และได้รายงานให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ทราบแล้ว ทั้งนี้ ตามข้อบังคับพรรคกำหนดว่าถ้าสมาชิกคนใดกระทำการที่ส่อว่าจะผิดข้อบังคับหรือผิดวินัยของสมาชิก และถ้ามีสมาชิกจำนวน 20 คนขึ้นไป เห็นว่าควรมีการสอบสวน ก็ต้องยื่นเรื่องให้หัวหน้าพรรคพิจารณาต่อไปได้

“กรณีนี้ถือว่านายถาวรทำผิดระเบียบข้อบังคับของพรรคจึงต้องสอบสวนทางวินัย แต่ถ้าพรรคไม่ทำอะไร อาจเป็นตัวอย่างให้คนอื่นๆในพรรคเปิดให้คนของพรรคอื่นๆเข้ามาใช้พื้นที่สาขาพรรคเราไปทำแบบนั้นบ้าง และเราอาจถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตีว่าเราไปฮั้วหรือสมยอมทางการเมือง หรือมีการแลกผลประโยชน์ทางการเมือง ถ้าหัวหน้าพรรคเห็นชอบว่าต้องสอบสวนเรื่องนี้จะแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน และต้องเชิญนายถาวรมาชี้แจง ซึ่งในอดีตเราเคยมีการดำเนินการเช่นนี้มาแล้ว หากกรรมการสอบสวนสรุปผลว่าการกระทำนั้นไม่ถูกต้อง หรือเกินเลยกติกาของพรรค ก็ต้องมีการลงโทษ ซึ่งมีทั้งการตักเตือน การลบออกจากการเป็นสมาชิกพรรค หรือการให้บุคคลนั้นขาดจากความเป็นสมาชิกช่วงระยะเวลาหนึ่ง” รองหัวหน้าพรรคปชป. ดูแลภาคใต้ กล่าว

เมื่อถามว่าการกระทำของนายสุเทพครั้งนี้ถือว่าล้ำเส้นหรือผิดมารยาททางการเมืองหรือไม่ นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า เราไปต่อว่านายสุเทพไม่ได้ เพราะคนของเราเปิดประตูให้เขาเข้ามา แต่นายสุเทพและนายถาวรย่อมรู้ความเหมาะสมอยู่แล้วว่าสิ่งใดที่ควรทำหรือไม่ควรทำ โดยก่อนที่นายสุเทพจะมายังบ้านของนายถาวร ได้ปราศรัยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่าพรรคประชาธิปัตย์กับพรรครวมพลังประชาชาติไทยเป็นคู่ต่อสู้กัน แล้วคนของเราควรปล่อยให้คู่ต่อสู้เข้ามาในบ้านของเรา แล้วเชิญคนมาสมัครสมาชิกพรรคของเขาอย่างนั้นหรือ เรื่องความเป็นเพื่อนหรือเป็นพี่น้องมีอยู่ได้ แต่การแข่งขันในระดับพรรคการเมือง มันมีขอบเขตว่าทำได้ในระดับไหน ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวไม่ใช่ควันหลงหรืออาฟเตอร์ช็อกจากการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่พวกเขาอาจมีเจตนาที่ต้องการทำให้เรื่องมันเดินมาถึงจุดนี้ก็ได้ อย่างไรก็ตาม ขอให้รอผลการสอบสวนของพรรคออกมาก่อน

ถามว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบให้พรรคประชาธิปัตย์ถูกมองว่ามีรอยร้าวมากขึ้น นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า “ไม่มีปัญหา มันไม่ต้องใช้ยาพาราเซตามอลที่เราจะกินต่อเมื่อเราปวดหัว ถ้ากินแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไตก็พัง อาจต้องมีการผ่าตัด เจ็บนิดหน่อย เจ็บครั้งเดียวแต่หาย อยู่ที่กรรมการของพรรคที่เปรียบกับหมอ ถ้าหมอบอกว่ากินยาไปก่อนก็ไม่ว่ากัน ถ้าทำให้คนไข้หายก็ไม่เป็นอะไร แต่ผมกลัวว่าจะเกิดการเอาอย่าง ที่นี่ทำได้แล้วที่อื่นทำบ้าง มันจะยุ่งกันใหญ่”

ด้านนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นให้นายนิพิฎฐ์สอบสวนข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร เป็นการกระทำที่ขัดต่อ ข้อบังคับพรรคในฐานะสมาชิกพรรคหรือไม่ ทั้งนี้ หากพบว่าทำผิดวินัยก็ต้องพิจารณาตามบทบัญญัติที่กำหนดในข้อบังคับพรรค อย่างไรก็ตาม ต้องเปิดโอกาสให้นายถาวรได้ชี้แจง การสอบข้อเท็จจริงกรณีนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่นายถาวร สนับสนุน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก ในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค แต่เป็นเรื่องพฤติกรรมของสมาชิกพรรคว่าไปสนับสนุนพรรคอื่นหรือไม่

ขณะที่นายถาวร เสนเนียม อดีตส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตอนนี้ตนยังไม่ได้รับแจ้งจากพรรคว่าจะดำเนินการสอบสวนตนจริงหรือไม่ ถ้าจะสอบสวนจริงก็ยินดีเข้าสู่กระบวนการ และจะไม่ร้องขอความช่วยเหลือ ถ้าผลการตัดสินของพรรคออกมาว่าตนทำผิดก็พร้อมรับโทษ