ให้น้ำหนักกลุ่ม Domestic plays มากกว่าตลาด

ให้น้ำหนักกลุ่ม Domestic plays มากกว่าตลาด

หุ้นสหรัฐฯถูกกดดันต่อเนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มธนาคาร หลังนาง Maxines Water พรรคเดโมแครตเผยหากขึ้นดำรงตำแหน่งประธานกรรมการด้านการธนาคารของสหรัฐฯจะไม่มีการผ่อนเกณฑ์ข้อบังคับให้กับภาคการเงินอีกต่อไป

ขณะที่ตลาดรอจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานเฟดในวันนี้เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เพิ่มเติมเกี่ยวกับจำนวนครั้งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีหน้า

สำหรับตลาดหุ้นไทย ภาพรวมอาจผันผวนตามราคาน้ำมัน ค่าเงินเหรียญฯ และสถานการณ์การค้าโลก โดยระยะสั้นเราประเมิน SET Index มีทิศทางแกว่งตัวในกรอบ 1645-1680 จุด (sideway-trend) จนกว่าจะมีการปลดล๊อกเหตุการณ์ใหม่เข้ามาเพิ่มความชัดเจนให้กับตลาด ไม่ว่าจะเป็น ผลการเจรจาการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ หรือ การออกมาตรการที่ชัดเจนในการแทรกแซงราคาน้ำมันของกลุ่มโอเปก กลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ จึงยังคงเน้นตั้งรับหุ้นในกลุ่มเกี่ยวกับการบริโภคในประเทศ (Domestic play) หุ้นปลอดภัย (Defensive play) รวมถึงรอจังหวะและระดับราคาของหุ้นในกลุ่มพลังงานที่น่าสนใจต่อการกลับเข้าลงทุนอีกครั้ง

เรายังคงชอบหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว, Earning momentum แข็งแกร่ง, หรือหุ้นปลอดภัย-ปันผลสูงเป็นหลัก อาทิ GUNKUL*, DOD*, EGCO, DRT, AOT, CPALL, ROBINS, STEC, AEONTS, MTC, JASIF

สนช.จะมีการพิจารณาภาษีที่ดินในวันนี้ โดยกฎหมายจะมีการบังคับใช้ในปี 2562 และเริ่มเก็บจริงในวันที่ 1 ม.ค.63 ในเบื้องต้นเรายังไม่สามารถประเมินผลกระทบที่ชัดเจนจากการจัดเก็บภาษีดังกล่าว แต่คาดจะส่งผลลบเชิง sentiment ต่อราคาหุ้นกลุ่มอสังหาฯในระยะสั้น

Investment Theme หุ้นใหญ่และกลุ่มหุ้นเลือกตั้ง BBL, KTB, STEC, CPALL, AMATA/ หุ้นเล็กที่น่าสนใจ GUNKUL*, DTC*, EASTW*, AEONTS* / หุ้นกระแสเงินสดมั่นคง-ปันผล TPCH*, TPIPP*, CPNREIT*, JASIF*, PSH, SPF*, EA*, BCPG

ภาพรวมกลยุทธ์: คาดตลาดกลับมามองหุ้นบริโภคในประเทศและที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันลง ขณะที่ตลาดอาจแกว่งตัวระหว่างรอราคาหุ้นพลังงานสร้างฐาน เลี่ยงหุ้นที่พื้นฐานไม่แข็งแกร่ง และเดาผลประกอบการไม่ได้ // หุ้นแนะนำวันนี้ CPALL, JASIF*, GUNKUL* /เก็งกำไร DOD* (เป้า 16.00 ตัดขาดทุน 13.60)

แนวรับ 1650 และ 1645 / แนวต้าน : 1670 จุด สัดส่วน : เงินสด 30% : พอร์ตหุ้น 70%

 

ประเด็นการลงทุน

กนง.คงดอกเบี้ยตามคาด – กนง. มีมติ 4:3 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ในระดับเดิมที่ 1.50% ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ โดยในการประชุมครั้งนี้ เสียงของกรรมการที่ให้ปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเป็น 3 เสียง จากการประชุมรอบที่แล้วที่มี 2 เสียง

เงินเฟ้อสหรัฐฯเพิ่มสูงสุดในรอบ 9 เดือน - โอเปก ออกรายงานภาวะตลาดน้ำมันประจำเดือนพ.ย. ระบุว่าจะขยายตัวเพียง 1.29 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลง 70,000 บาร์เรล/วันจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนที่แล้ว และเป็นการปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน

โอเปกเผยสมาชิกพร้อมสนับสนุนปรับลดการผลิตน้ำมัน – สมาชิกโอเปกบรรลุฉันทามติที่จะสนับสนุนให้มีการปรับลดการผลิตน้ำมันในการประชุมในวันที่ 6 ธ.ค. เพื่อสร้างความสมดุลต่อตลาดน้ำมัน

อังกฤษอนุมัติร่างข้อตกลง Brexit – นายกฯอังกฤษ แถลงยืนยันคณะรัฐมนตรีอังกฤษอนุมัติร่างข้อตกลง Brexit แล้ว ด้าน EU เตรียมจัดการประชุมสุดยอดในวันที่ 25 พ.ย.เพื่อหารือกันเกี่ยวกับข้อตกลง Brexit เป็นลำดับต่อไป

ประเด็นติดตาม: 15 พ.ย. – สนช.พิจารณาภาษีที่ดิน, 19 พ.ย. – GDP ไทย ไตรมาส 3/61, 30 พ.ย. – ประชุม G20

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)