กังวลน้ำมันล้นตลาดฉุดราคาดิ่ง7%

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวตส์เท็กซัส ปิดตลาดวันอังคาร (13พ.ย.)ตามเวลาสหรัฐ ยังคงร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดิ่งลง 7% โดยราคาน้ำมันปรับตัวลงต่อเนื่องติดต่อกันเป็นวันที่ 12 หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กดดันซาอุดีอาระเบีย และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ไม่ให้ปรับลดกำลังการผลิต ส่วนการแข็งค่าของดอลลาร์แตะระดับสูงสุดในรอบ 16 เดือนเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ฉุดราคาน้ำมันในวันนี้ เนื่องจากจะทำให้สัญญาน้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ ปรับตัวร่วงลง 4.24 ดอลลาร์ หรือ 7.1% ปิดที่ 55.69 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ร่วงลง 4.28 ดอลลาร์ หรือ 6.1% ปิดที่ 65.84 ดอลลาร์/บาร์เรล

ราคาน้ำมันดิ่งลงมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับระดับสูงสุดในรอบ 4 ปีที่ทำไว้ในช่วงต้นเดือนต.ค.

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความเมื่อวานนี้เพื่อเรียกร้องซาอุดีอาระเบีย และโอเปกไม่ให้ปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน

“ราคาน้ำมันควรจะปรับตัวลดลงมากกว่านี้เมื่อพิจารณาจากภาวะอุปทานน้ำมัน และเราหวังว่าซาอุดีอาระเบียและกลุ่มโอเปกจะไม่ปรับลดการผลิต” ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

การแสดงความเห็นของปธน.ทรัมป์มีขึ้นหลังจากนายคาลิด อัล-ฟาลีห์ รมว.พลังงานซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า กลุ่มโอเปกและผู้ผลิตน้ำมันนอกโอเปกเห็นพ้องกันว่า ควรมีการปรับลดการผลิตน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า เนื่องจากอุปสงค์น้ำมันที่อ่อนแอ นอกจากนี้ โอเปกและประเทศพันธมิตรมองว่า การวิเคราะห์ทางเทคนิคบ่งชี้ว่าจำเป็นต้องมีการปรับลดกำลังการผลิต 1 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้าจากระดับของเดือนต.ค. เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะน้ำมันล้นตลาด

ด้านโอเปกออกรายงานภาวะตลาดน้ำมันประจำเดือนพ.ย.ในวันนี้ โดยได้ปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกในปีหน้า ขณะที่ระบุว่าจะขยายตัวเพียง 1.29 ล้านบาร์เรล/วัน ลดลง 70,000 บาร์เรล/วันจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนที่แล้ว และเป็นการปรับลดตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน