กกต.ชวนพรรคการเมืองร่วมวงประชุม 22 พ.ย. พร้อมจัดสาธิตมินิไพรมารี่ ย้ำอย่าสับสนระหว่างตั้งสาขา 4 ภาค กับการส่งผู้สมัคร แนะแจ้งกกต.ก่อนลงพื้นที่หาสมาชิก พร้อมเตือนขณะนี้ทุกพรรคยังตั้งตัวแทนประจำจังหวัดไม่ได้จนกว่ากกต.จะประกาศเขตเลือกตั้ง
นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการกกต. ประชุมชี้แจงพรรคการเมืองจัดตั้งใหม่ 7 พรรค ประกอบด้วย พรรคคลองไทย พรรคแผ่นดินธรรม พรรคประชาธรรมไทย พรรคประชานิยม พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรคพลังประชารัฐ และพรรคไทยรุ่งเรือง
นายแสวง กล่าวว่า เมื่อได้รับการรับรองเป็นพรรคการเมืองแล้ว สามารถดำเนินกิจการการเมืองภายใต้บรรยากาศคลายล็อก คือ ทำได้เท่าที่คำสั่งคสช.ที่ 53/60 และ 13 /6 อนุญาตไว้รวม 6 กิจกรรม เพื่อเตรียมความพร้อมในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส่วนกิจกรรมอื่นๆต้องแจ้ง กกต.ก่อนดำเนินการไม่น้อยกว่า 5 วัน. ถ้าพรรคต้องการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งให้เริ่มรับสมัครสมาชิกได้ทันที และหากต้องการส่งผู้สมัครทั่วประเทศต้องมีตัวแทน 77 จังหวัด หรือมีสมาชิกจังหวัดละ 101 คน. จำนวนที่ปลอดภัยคือควรมีสมาชิกไม่น้อยกว่า 8,000 -10,000 คน เพราะมีโอกาสที่สมาชิกจะซ้ำซ้อนกัน เนื่องจากทุกพรรคเริ่มหาสมาชิกพร้อมกัน และประชาชนอาจลืมว่าสมัครเป็นสมาชิกพรรคอื่นไปแล้ว. ซึ่งขณะนี้ฐานข้อมูลของ กกต.มีข้อมูลสมาชิกพรรค 120,000 คน หลังจากนี้กกต.จะทำหนังสือถึงพรรคการเมืองให้รายงานข้อมูลสมาชิกเพิ่มเติม ทุกๆวันศุกร์ของสัปดาห์ มาให้กกต.ตรวจสอบเพื่อป้องกันการซ้ำซ้อน. เพราะถ้าชื่อสมาชิกซ้ำกันจะถือว่าเสียสมาชิกทั้งสองพรรค.
“ในการหาสมาชิกขอให้แจ้งกกต.ก่อนลงพื้นที่ 5 วัน เพราะขณะนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ความมั่นคงดูแลในพื้นที่ต่างๆ การแจ้งมายังกกต.ก็ให้เป็นตั๋วแสดงให้เจ้าหน้าที่เห็นว่าแจ้ง กกต.แล้ว. และอย่ากระทำฝ่าฝืนกฎหมาย เช่น การจ้าง ให้เงินทรัพย์สิน หรือให้ประโยชน์อื่นใด โทษถึงขั้นยุบพรรค ทั้งนี้ในการประชุมเชิงปฏิบัติการระหว่าง กกต.กับพรรคการเมืองในวันที่ 22 พ.ย.นี้ เป็นการประชุมครั้งที่ 4 จุดมุ่งหมายเพื่อให้พรรคดำเนินการจัดตั้งสาขา หาสมาชิก และส่งผู้สมัครได้อย่างถูกต้อง อย่าเอาสำนักงานไปพันพัวกับเรื่องการเมือง ในวันกล่าวจะจัดเวิร์คชอปสาธิต จึงขอให้พรรคการเมืองมาเข้าร่วมรับฟัง โดยเฉพาะเรื่องมินิไพรมารี่ซึ่งซับซ้อนพอสมควร เบื้องต้นแนะนำเป็นน้ำจิ้มให้รับฟังจากหัวหน้าสาขาและสมาชิก หรือรับฟังตัวแทนพรรคการเมืองและสมาชิก โดยคณะกรรมการสรรหาพรรคต้องกำหนดว่าจะใช้วิธีการใด เช่น โหวตหรือลงคะแนนอิเล็คทรอนิกส์”นายแสวงกล่าว
นายแสวง กล่าวถึงการจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองว่า การดำเนินการของกกต.ทำไปตามลำดับการยื่นจดทะเบียน ไม่มีการข้ามลำดับ กกต.ทำงานเต็มที่โดยไม่เอื้อประโยชน์ให้กับพรรคใดพรรคหนึ่ง และจดจัดตั้งพรรคภายใต้มาตรฐานเดียวกันทั้งหมด โดยพรรคไทยรุ่งเรืองใช้เวลาน้อยที่สุดรวม 20 วัน กกต.จดจัดตั้งพรรคบนมาตรฐานเดียวกัน แต่ทำได้เร็วขึ้นเพราะมีการเรียนรู้ปัญหาร่วมกันกับพรรคการเมือง ทั้งนี้เพื่อให้ทันการเลือกตั้งที่อาจจะมีขึ้นในวันที่ 24 ก.พ.62 โดยพรรคสุดท้ายยื่นจดจัดตั้งในวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา เป็นพรรคลำดับที่ 37 ขณะนี้กกต.จดจัดตั้งไปแล้ว 25 พรรค ยืนยันว่าอีก 12 พรรคที่เหลือส่งผู้สมัครทันแน่นอน. รวมถึงพรรคที่ยื่นจดจัดตั้งก่อนวันที่ 26 พ.ย.ก็จะส่งผู้สมัครทันเช่นกัน ทั้งนี้เพื่อให้มีพรรคการเมืองหลากหลาย และประชาชนมีทางเลือกมากที่สุด สำหรับพรรคที่ยื่นจดจัดตั้งหลังวันที่ 26 พ.ย. ต้องยอมรับว่าถึงอย่างไรก็ไม่ทันกรอบ 90 วัน
นายแสวง กล่าวถึงเรื่องการจัดตั้งสาขาและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด โดยขอให้เข้าใจว่า การตั้งสาขา 4 ภาค เป็นคนละเรื่องกับการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งครั้งแรก โดยในการเลือกตั้งครั้งแรกถ้าพรรคการเมืองเดิมมีสาขาประจำจังหวัดอยู่แล้ว จะสามารถพิจารณาให้ความเห็นส่งผู้สมัครได้ทุกเขตในจังหวัดนั้นเท่านั้น ไม่ได้ทุกเขต ทุกจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของสาขา ส่วนพรรคใหม่ที่ยังไม่มีการจัดตัดตั้งสาขาแนะนำให้ตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด ซึ่งการจัดตั้งตัวแทนถ้าเขตเลือกตั้งใดในจังหวัดนั้น มีสมาชิกที่มีภูมิลำเนาในเขตนั้นๆตั้งแต่101 คนขึ้นไปให้ตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดซึ่งจะให้ความเห็นส่งผู้สมัครได้ทุกเขตเลือกตั้งในจังหวดนั้นๆ แต่ขณะนี้พรรคจะตัวแทนพรรคประจำจังหวัดไม่ได้ จนกว่า กกต.ประกาศเขตเลือกตั้ง
รองเลขาธิการกกต.ระบุด้วยว่า สำหรับประเด็นรายได้ของพรรคการเมืองจะมาจากทุนประเดิม ค่าบำรุงพรรคจากการรับสมัครสมาชิก 50-100 บาท ค่าขายสินค้าที่ระลึก และเงินบริจาค ซึ่งขณะนี้คำสั่งคสช.มีผลแค่ผ่อนคลายเท่านั้น. เงินบริจาคจึงรับได้จากกรรมการบริหารพรรคเท่าที่จำเป็น หากต้องการรับริจาคจากบุคคลอื่นต้องขออนุญาตก่อน กรณีเงินระดมทุน เช่น จัดทอล์คโชว์ขายโต๊ะ ซึ่งคำสั่งคสช.ยังไม่ได้ปลดล็อก จึงยังทำไม่ได้เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากคสช. แต่การขายสินค้าที่ระลึกของพรรคทำได้เลย. อย่าพูดเหมาหรือนำเรื่องระดมทุน ขายสินค้าที่ระลึก และรับบริจาคไปปนกัน.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิเชียร ชวลิต นายทะเบียนพรรคพลังประชารัฐ ซักถามถึงประเด็นหน้าที่พรรคตรวจสอบคุณสมบัติสมาชิก แต่ในแบบทะเบียนกำหนดให้พรรครับรองความถูกต้องของสมาชิก ถ้ารับรองแล้วต่อมาตรวจสอบว่าขาดคุณสมบัติพรรคจะมีความผิดด้วย ซึ่งเป็นการออกระเบียบเกินกฎหมายและผลักภาระมาให้พรรค โดยนายแสวง ยอมรับว่า กฎหมายดังกล่าวเป็นภาระของพรรคการเมือง ทำให้หลายพรรคกังวลว่าหัวหน้าพรรคอาจจะร่วงเพราะต้องเซ็นรับรองความถูกต้องของสมาชิก ซึ่งประเด็นนี้สำนักงานอยู่ระหว่างปรับปรุงประกาศฉบับนี้ เพื่อไม่ให้งานธุรการเป็นอุปสรรคขัดขวางพรรคการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า. นอกจากนี้ยังมีประเด็นคำถามจากพรรคประชานิยมว่า ขณะนี้ยังไม่มีประกาศเขตเลือกตั้ง ทำให้ตำรวจที่สนใจร่วมอุดมการณ์การเมืองกับพรรคไม่สามารถลาออกมาสมัครสมาชิกพรรคได้ เนื่องจากไม่สามารถระบุเหตุผลในการลาออกว่าจะมาลงสมัครรับเลือกตั้ง เพราะยังไม่มีพรฎ.เลือกตั้ง รวมถึงประเด็นที่กำหนดให้ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งต้องแสดงหลักฐานการเสียภาษีต่อเนื่อง 3 ปี โดยนายแสวงชี้แจงว่า ข้าราชการสิทธิสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองได้ ส่วนประเด็นการยื่นแสดงหลักฐานการเสียภาษีนั้น กกต.ประสานให้สรรพากรออกเอกสารรับรองการเสียภาษีย้อนหลัง 3 ปี ให้ผู้สมัครนำมาใช้ยื่นแสดง ซึ่งโดยปกติสรรพากรจะออกย้อนหลังให้เพียง 1 ปีเท่านั้น ส่วนกรณีนักศึกษาจบใหม่หรือผู้ที่มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษีให้ติดต่อขอหนังสือรับรองจากกรมสรรพากรได้เช่นกัน เว้นแต่รายที่ไม่ไปยื่นเสียภาษีประจำปีแล้วจะไปขอชำระภาษีย้อนหลัง ซึ่งทำไม่ได้