TACC - ซื้อ

TACC - ซื้อ

ปรับลดประมาณการกำไร แต่ยังมองเป็นโอกาสซื้อสะสม

ประเด็นสำคัญ :

  • รายงานกำไร 3Q61 อยู่ที่ 22 ลบ. +2.6%QoQ ,-0.5%YoY: ขณะที่รายได้ อยู่ที่ 313.3 ลบ. -4.7%QoQ ,+2%YoY รายได้เติบโต YoY ตามจำนวนสาขา 7-11ที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับมีรายได้จากการบริหารลิขสิทธิ์ Rilakkuma และการร่วมเป็นพันธมิตรกับ A&W ที่ปัจจุบันร่วมมือไปกว่า 8 สาขาแล้ว ช่วยลดผลกระทบจากการหยุดขายสินค้าตรา Zenya ที่กัมพูชา อย่างไรก็ตามรายได้ยังคงหดตัว QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ %GPM ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 30.65% จาก 1H61 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 27.6% ส่วนกำไรสุทธิ 3Q61 เท่ากับ 22 ลบ. +2.6%QoQ -0.5%YoY ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสที่แล้ว เนื่องจากการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร แต่มีรายการรับรู้ขาดทุนจากกิจการร่วมค้า 1.1 ลบ. อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรสุทธิ 3Q61 เท่ากับ 7.02% ปรับตัวดีขึ้นจาก 1H61 ซึ่งอยู่ที่ 6.04% เนื่องจากสามารถแก้ไขปัญหาภาษีน้ำตาลได้แล้ว โดยการปรับเปลี่ยนสูตรใช้สารทดแทนความหวาน ขณะที่ กำไรสุทธิ 9M61 เท่ากับ 59 ลบ. -25.5%YoY
  • ความคืบหน้าธุรกิจบริหารลิขสิทธิ์ Rilakkuma และ พันธมิตรใหม่ A&W : ธุรกิจใหม่ 1) การบริหารสิทธิ์ Rilakkuma และ 2) การร่วมเป็นพันมิตรกับ A&W ในการนำเครื่องดื่มที่ไม่ใช่น้ำอัดลมเข้าไปวางขาย (Non-Carbonated) เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่วยชดเชยรายได้จากการหยุดขายสินค้าตรา Zenya ที่กัมพูชา ที่ได้หยุดขายไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ขณะที่ปัจจุบัน จำนวนลูกค้ากลุ่มธุรกิจ Rilakkuma มีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว อีกทั้ง TACC ยังนำลายการ์ตูนดังกล่าวไปผลิตสินค้ากลุ่มเครื่องเขียนภายใต้ตราสินค้าของตัวเอง ซึ่งจะมีการวางขายที่ 7-11 ส่วนความคืบหน้าการเป็นพันธมิตรกับ A&W เพิ่มขึ้นเป็น 8 สาขา จากเดิม 3 สาขา ณ กลางเดือน ส.ค.61 และทยอยเปิดอย่างต่อเนื่องจนครบ A&W ทั้งหมด 38 สาขา
  • แนวโน้ม Q4 เข้าสู่ High Season + ผลิตภัณฑ์ใหม่ 3 รายการ : เข้าสู่ช่วง High Season พร้อมทั้งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 3 รายการ ได้แก่ 1) เครื่องดื่มโถกดเย็นช็อกโกแลต Hershey’s ซึ่งจะนำมาวางขายราวกลางเดือน พ.ย.61 เป็นสินค้าประจำร้าน 7-11 (เฉพาะบางสาขา) 2) เครื่องดื่ม All Café - Unicorn Milk วางขายไปแล้วเมื่อ เดือน ต.ค.61 ซึ่งกระแสตอบรับดีมาก และ 3) Donut Pop – เป็นขนมปังแบบ พรีเมียม มาพร้อมกับซอสนมข้นหวานภายในซอง ซึ่งจะนำมาวางขายราวปลายเดือน พ.ย.61
  • ปรับลดประมาณการกำไรปี61-62 แต่ประเมินว่ากำไรผ่านจุดต่ำสุดแล้ว : เราปรับลดประมาณการกำไรปี 61-62 หลังจากที่กำไร 3Q61 ออกมาต่ำกว่าเราคาดไว้ราว 13% ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น 3Q61 ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่เหนือระดับ 30% หลังจากที่ได้รับผลกระทบภาษีน้ำตาลในช่วง 1H61 ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงมาอยู่ที่ระดับ 27.6% อย่างไรก็ตาม เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นทั้งปี61 จะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 29.25 % เนื่องจากสามารถแก้ปัญหาภาษีน้ำตาลได้แล้ว ส่วนปี62 จะปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ระดับ 30% และปรับคาดการณ์กำไรปี61 จากเดิมที่ 99 ลบ. ลดลงเหลือราว 85.5 ลบ. ซึ่งลดลง 24%YoY และปรับลดกำไรปี62 จากเดิมที่ 124 ลบ. มาอยู่ที่ราว 111.4 ลบ. ซึ่งพลิกกลับมาเติบโต 31%YoY ถึงแม้เราปรับคาดการณ์กำไรลง แต่คาดว่าผลประกอบการของบริษัทฯได้ผ่านช่วงต่ำสุดไปแล้ว อีกทั้งเล็งเห็นถึงโอกาสการเติบโตจากธุรกิจใหม่ อย่างการบริหารลิขสิทธิ์ Rilakkuma และการร่วมเป็นพันธมิตรกับ A&W
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาเหมาะสมสำหรับปี62 เป็น 4.60 บาท (จากเดิม 5.00 บาท) : ประเมินราคาเหมาะสมด้วยวิธี PE Ratio ราคาเหมาะสมที่ปี 62 โดยอิง PE อย่างอนุรักษ์นิยม ที่ 25x ต่ำกว่า PE อุตสาหกรรม 26x และคาดกำไรต่อหุ้นปี 62 ที่ 0.18 บาทต่อหุ้น (ลดลงจากเดิมที่ 0.20 บาทต่อหุ้น) ได้ราคาเหมาะสมที่ 4.6 บาท (ลดลงจากเดิมที่ 5 บาท) แต่ยังมี Upside ราว 33% จากราคาปัจจุบัน จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาที่ปรับลงถือเป็นโอกาสในการเข้าซื้อสะสม

ความเสี่ยง

     1.ธุรกิจมีการแข่งขันสูงและรุนแรง     2.รายได้กว่า 90% พึ่งพิงร้าน 7-11    3.ผลิตภัณฑ์ใหม่ไม่ประสบความสำเร็จ