สบส.เร่งสอบรพ.สาวถูกน้ำกรดสาดโดยเร็วที่สุด

เมื่อวันที่ 12 พ.ย.61 นพ.ประภาส จิตตาศิรินุวัตร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) กล่าวภายหลังรับเรื่องร้องเรียนจากนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมและครอบครัวของผู้เสียชีวิต กรณีถูกสามีหึงโหดสาดน้ำกรดใส่หน้า และรพ.ไม่ให้การรักษาต่อมาผู้ป่วยเสียชีวิตว่า เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งนี้เมื่อวันที่ 12 พ.ย. สบส. มีการส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้แล้ว เบื้องต้นจะพิจารณาว่ามีการดำเนินการตามข้อกำหนดในพรบ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 หรือไม่ หากสถานพยาบาลไม่ได้ดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างเต็มความสามารถตามพรบ.สถานพยาบาล มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนที่นายอัจฉริยะให้เวลาตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน 3 วันนั้นจะทำได้จริงหรือไม่ทาง สบส.ก็ต้องทำตามขั้นตอนแต่จะเร่งทำให้รวดเร็วที่สุด โดยจะดูตามข้อเท็จจริงตั้งแต่ต้นจนจบ

ด้าน นพ.สัญชัย ชาสมบัติ รองเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ(สพฉ.) กล่าวว่า การแยกลักษณะอาการที่โดนน้ำร้อนสาดกับน้ำกรดนั้นทำได้ยาก แต่ก็แตกต่างกันอยู่ โดยหากเป็นน้ำร้อนไม่ว่าจะร้อนแค่ไหนก็แค่แดง มีตุ่มน้ำใสๆ ผิวลอก เมื่อเข้าสู่ร่างกายก็จะสามารถปรับอุณหภูมิในในเวลาไม่นานนัก แต่หากเป็นน้ำกรดจะเกิดการกัดกร่อนผิว เนื้อเยื่อเป็นชั้นๆ หากเข้าไปในระบบบทางเดินอาหารก็กัดกระเพาะทะลุ และถ้าเข้าระบบทางเดินหายใจก็จะกัดกร่อนหลอดลมทะลุ ระบบการหายใจล้มเหลว สำหรับเคสนี้เรายังไม่รู้อะไรมาก แล้วตอนที่เขาทำแผลลูกสาวบอกว่าเห็นหน้าแม่เปื่อยๆ ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับน้ำกรดกัด แต่เราไม่ได้เห็นภาพ แล้วกรดที่กัดเข้าแล้วทะลุเข้าไปในหลอดลมมากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าเข้าไปกัดหลอดลม ระบบการหายใจจะล้มเหลว

“กรณีรายนี้ที่ดูจากข่าว ตอนที่ออกจากรพ.บอกว่าไม่ไหวต้องอุ้มไปขึ้นแท็กซี่ จากนั้นแขนตก เรียกไม่ตอบสนอง หมดสติ สิ่งที่เกิดขึ้นไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ แต่อย่างหนึ่งที่อาจจะเป็นไปได้คือน้ำกรดที่เข้าไปนั้นเข้าไปทางเดินหายใจ หรือไม่ก็เข้าทางเดินอาหารแล้วสำลักกลับขึ้นมาใหม่เข้าไปในปอด ทำให้หายใจไม่ได้ พอเข้าไปที่ปอด ปอดจะเกิดการอักเสบเฉียบพลัน หายใจไม่ได้ และเสียชีวิต แต่หากเป็นกลไกอื่นก็ต้องไปตรวจวิเคราะห์ดูสภาพต่างๆ ด้วย” นพ.สัญชัย กล่าว