ไปไหนไม่ไกล

ไปไหนไม่ไกล

SET Index ศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ย

จึงเกิดความกังวลว่า Fund Flow จะไหลออกไปยังประเทศที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า ประกอบกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงตลอดทั้งสัปดาห์ ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันหุ้นกลุ่ม ENERG อาทิ PTT TOP และ PTTEP ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,668.52 จุด (-13.21 จุด) Volume 3.5 หมื่นลบ. จาก Foreign Net  -1,840.67 ลบ. TFEX Net -9,280 สัญญาตราสารหนี้ -2,538 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+สหรัฐเผยดัชนี PPI ดีดตัว 0.6% ในเดือนต.ค. สูงสุดรอบ 6 ปี

+"ประวิตร" เผยไทม์ไลน์เลือกตั้งให้เวลาพรรคการเมืองหาเสียง 60 วันถือว่าเพียงพอ

-ดาวโจนส์ปรับตัวลงเนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการทรุดตัวของราคาน้ำมันจะเป็นการบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ ตลาดยังวิตกกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

-น้ำมันดิบปิดลดลงจากที่ตลาดน้ำมันสหรัฐเข้าสู่ "ภาวะหมี" ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาดและอุปสงค์น้ำมันที่หดตัวลง

-ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 98.3

-EU เตือนยอดขาดดุลงบประมาณอิตาลีส่อเค้าทะลุเพดาน 3% ในปี 2563

+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 2.73 แสนล้านบาท ค่าเงินบาท 33.05 บาท/US

คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสบวกเพียงเล็กน้อยจากปัจจัยบวกเรื่องการเลือกตั้งในประเทศที่ชัดเจนมากขึ้น โดยมีปัจจัยลบที่ค่อนข้างมีน้ำหนักมาจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับลดลงจากความกังวลการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในการประชุมเดือนหน้า และราคาน้ำมันที่ปรับลง  คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ  1,660 -1,675 จุด

กลยุทธ์การลงทุน  

- ครม.ยกเลิกค่าวีซ่านักท่องเที่ยว AOT CENTEL ERW

- หุ้นแนะนำประจำเดือน พ.ย. AUCT XO SPALI KKP

-Low Beta High Dividend ANAN PSH QH ASK TISCO KKP SPRC TOP TKS

-เงินบาทอ่อนค่าสู่ 33.05 หนุนกลุ่มส่งออก CPF SVI XO

-หุ้น Theme EEC play : AMATA, WHA, EASTW, ATP30, ORI

หุ้นแนะนำพิเศษ

XO (ราคาปิด 11.60 ซื้อ ราคาเหมาะสม 13.00)

  • รายงานกำไร 3Q61 ที่ 67 ล้านบาท +56%QoQ และ+252%YoY และสูงกว่าที่เราคาดไว้ 39% โดยรายได้เติบโต 34%YoY สู่ระดับ 301 ล้านบาทซึ่งทำจุดสูงสุดใหม่จากการขยายตลาดสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่องและการเริ่มปรับขึ้นราคาในไตรมาสที่ผ่านมา ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นสู่ 39% จาก 37% ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมาจากต้นทุนน้ำตาล พริก และกระเทียมที่ลดลง ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารปรับตัวลง 5 ล้านบาทจากไตรมาสก่อนสู่ 47 ล้านบาท
  • ความเห็น บริษัทรายงานกำไร 9M61 ที่ 157 ล้านบาท+218%YoY คิดเป็น 86% ของประมาณการทำให้เรามีโอกาสปรับประมาณการขึ้นเนื่องจากบริษัทได้ทำสัญญาซื้อน้ำตาล และกระเทียมล่วงหน้าไปแล้วจนถึงปี 62 ทำให้เราคาดว่าอัตรากำไรขึ้นต้นจะทรงตัวได้ในระดับสูงที่ 39-40% ไปจนถึงปีหน้าอีกทั้งการขยายตลาดทำได้ดีกว่าที่เราคาดไว้

ส่องหุ้น

PACE      แนวรับ 0.58-0.56 บาท                            แนวต้าน 0.60-0.61 , 0.63 บาท

IHL        แนวรับ 9.35-9.25 บาท                            แนวต้าน 9.55-9.60 บาท

 

  • TOP รายงานกำไร 3Q61 ที่ 56 พันล้านบาท -5% QoQ และ -40%YoY โดยการใช้กำลังการกลั่นเพิ่มขึ้นจาก 299 พันบาร์เรลต่อวันในไตรมาสก่อนสู่ 320 พันบาร์เรลต่อวันจากไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่นน้ำมันดิบหน่วยที่ 1 โดยค่าการกลั่นที่ไม่รวมกำไรจากสต็อกน้ำมันเพิ่มขึ้น 1.3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลสู่ 7.2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเนื่องจาก Crude Premium ที่ลดลง แม้ว่าส่วนต่างน้ำมันเบนซินและน้ำมันอากาศยาน และน้ำมันดีเซลจะปรับตัวลงก็ตาม ด้านธุรกิจอะโรเมติกส์ปรับตัวดีขึ้นจากส่วนต่างผลิตภัณฑ์พาราไซลีนปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากจากอุปทานที่ตึงตัวจากโรงผลิตสารอะโรเมติกส์แห่งใหม่ในตลาดโลกไม่สามารถดำเนินการผลิตได้
  • + 'พีผนึก CK ชนบีทีเอส ท้าชิงไฮสปีดฯ3สนามบิน BEM กำไรโตสนั่น 231% จับตา CK แจ้งงบ 14 พ.ย. (ที่มาข่าวหุ้น)
  • + BIZ โชว์ผลงานไตรมาส 3/2561 สุดยอด กวาดรายได้ 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.90% กำไรแตะ 43.02 เพิ่มขึ้น 195.50% ส่วนงวด 9 เดือน กำไรพุ่ง 62.1 ล้านบาท ด้านผู้บริหารเผยยังตุนงานในมือกว่า 1.4 พันล้านบาท คาดทยอยรับรู้จนถึงปี 2563 เตรียมเปิดตัวธุรกิจใหม่ "ให้บริการส่งสิ่งตรวจในห้องแล็บ โดยใช้เทคนิค NGS" กลางเดือนพ.ย.นี้ (ที่มา ทันหุ้น)
  • CSS จะใช้เงินราว 701 ลบ. เข้าลงทุน 25% ในโซลาร์ฟาร์ม 2 โครงการที่เวียดนาม ของ EPCO ขนาด 99.216 MW (ที่มา : IQ)

หุ้นมีข่าว   

·      BEC (ราคาปิด 6.25 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 7.91) รายงานกำไรสุทธิ 3Q61 อยู่ที่ 78 ลบ. +125%YoY เนื่องจากบริษัทสามารถบริหารต้นทุนการให้บริการได้ดีขึ้นจากการนำละครที่เคยออกอากาศแล้วมาออกอากาศอีกรอบ และไม่มีต้นทุนค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดกีฬา ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นมาจาก3Q60 ที่ 15% เป็น 19% และบริษัทมีรายได้เพิ่มเติมจากการเผยแพร่คอนเทนต์ของบริษัทผ่านช่องทางออนไลน์ และจากการขายลิขสิทธิ์ไปยังต่างประเทศ(ร่วมมือกับ JKN) ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิปรับตัวขึ้นจาก 3Q60 ที่ 1% เป็น 3%

·      AOT ชงทีโออาร์ประมูลดิวตี้ฟรีสุวรรณภูมิเข้าบอร์ด ธ.ค.61- ม.ค.62 โดยพื้นที่ที่จะเปิดประมูลจะรวมพื้นที่ภายในอาคารผู้โดยสารหลังที่ 1(พื้นที่เดิม) และพื้นที่อาคารเทียบเครื่องบินหลังที่ 1 (แซทเทิลไลท์) แต่มีแนวโน้มไม่รวม Terminal 2 หลังมีข้อพิพาทเรื่องงานออกแบบอาคารผู้โดยสาร อีกทั้งยังต้องรอเจรจากับบมจ.การบินไทย (THAI) ที่ต้องการใช้พื้นที่ ซึ่งหากนับมารวมจะทำให้การประมูลออกไปล่าช้า ไม่ทันที่ผู้ประกอบการใหม่จะเข้าใช้พื้นที่ได้ทันก่อนหมดสัญญาใน 27 ก.ย. 63 (ที่มา : IQ)

·      ประเด็นลบกลุ่มที่อยู่อาศัย : ธปท.ประกาศปรับปรุงหลักเกณฑ์กำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เริ่มใช้ 1 เม.ย. 62 เป็นต้นไป (เลื่อนจาก 1 ม.ค. 62) โดยจะยกเว้นกรณีที่มีสัญญาจะซื้อจะขายก่อน 15 ต.ค. 61 โดยกำหนดเงินดาวน์ขั้นต่ำหรืออัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) ดังนี้

·        ไม่เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขสำหรับสัญญากู้ที่อยู่อาศัยหลังแรก

·        กรณีสัญญาแรกผ่อน 3 ปีขึ้นไป กำหนดดาวน์ 10% สำหรับสัญญากู้ซื้อที่อยู่อาศัยหลังที่ 2 ขึ้นไปและมีราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป

·        กรณีสัญญาแรกผ่อนมาแล้วไม่ถึง 3 ปี กำหนดดาวน์ 20% สำหรับสัญญากู้ซื้อที่อยู่อาศัยหลังที่ 2 ที่ราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาท

·        ดาวน์ 30% สำหรับเงินกู้ซื้อที่อยู่อาศัยหลังที่ 3 ขึ้นไปทุกระดับราคา

ความเห็น ธปท.เลื่อนผลบังคับใช้ออกไปจาก 1 ม.ค. 62 เป็น 1 เม.ย. 62 ช่วยผ่อนคลายผลกระทบในระยะสั้น และคาดจะเห็นภาพการเร่งโอนในช่วงก่อนครบระยะเวลาผ่อนผัน  แต่ในระยะยาวยังกดดันกลุ่มผู้ซื้อระดับกลางหรือผู้ซื้อเก็งกำไรซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการพัฒนาคอนโดฯ สำหรับลูกค้าระดับกลางถึงกลาง-บน ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัยเป็น “Neutral” และเลือกหุ้นที่อยู่อาศัยที่มี yield สูงเกิน 6% ได้แก่ LH (6.9%) SIRI (6.6%) PSH (6.5%) QH (6.3%)

·      BCP รายงานกำไร Q3/61 ที่ 1,856 ล้านบาท +75%YoY  หลังใช้กำลังการกลั่นน้ำมัน 99% หรือ 119 พันบาร์เรลต่อวันซึ่งสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์นิวไฮและค่าการกลั่นปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบเป็นรายปี ด้านธุรกิจโรงไฟฟ้ามีกำไรขายสินทรัพย์ราว 800 ลบ.เข้ามาหนุนเพิ่มเติม

·      BANPU รายงานกำไร 3Q61 ที่ 2.5 พันล้านบาท +23%YoY แต่ -37%QoQ โดยเมื่อเทียบเป็นรายปีรายได้จากธุรกิจถ่านหินปรับตัวดีขึ้นตามปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น 1 ล้านตันสู่ 10 ล้านบตันขณะที่ราคาจำหน่ายถ่านหินเพิ่มขึ้น  18%YoY สู่ 90 ดอลลาร์ต่อตัน อย่างไรก็ตามต้นทุการผลิตที่ออสเตรเลียปรับตัวขึ้นอย่างมากทำให้กำไรเติบโตไม่สูงนัก รายได้จากโรงไฟฟ้าอ่อนตัวลงหลังจากผ่านช่วงฤดูร้อนไปแล้วอีกทั้งต้นทุนถ่านหินที่สูงกดดันกำไร นอกจากนี้ยังมีผลขาดทุนจากอนุพันธ์และอัตราแลกเปลี่ยนราว 1.6-1.8 พันล้านบาทกดดันผลประกอบการ

·        DOD (ราคาปิด 14.40  ซื้อ ราคาเหมาะสม 17.50 ) รายงานกำไรสุทธิ 3Q61 อยู่ที่ 73 ลบ. +169%YoY จากยอดขายที่เติบโตอย่างโดดเด่น 103% สู่ 157 ลบ.  และบริษัทสามารถควบคุมต้นทุนได้จากการประหยัดต่อขนาดการผลิต(economies of scale) ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 3Q60 ที่ 59% สู่ 63% และอัตรากำไรสุทธิจาก 3Q60 ที่ 35% สู่ 46% โดยกำไรสุทธิในงวด 9M61 อยู่ที่ 296 ลบ. คิดเป็น 82% ของประมาณการกำไรสุทธิปี  61 ที่ 359 ลบ.