‘บาท’ เปิดตลาดเช้านี้ ‘อ่อนค่า’ ที่ 33.06 บาทต่อดอลลาร์
จับตาความผันผวนตลาดการเงินยังคงสูงกว่าปกติ และยิ่งมากขึ้นหากตัวเลขเศรษฐกิจจีนออกมาแย่กว่าคาด
นักบริหารเงินธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 33.06 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากสิ้นสัปดาห์ที่ผ่านมามี่ระดับ 33.02 บาทต่อดอลลาร์ ตลาดโดยรวมยังคงไม่กล้าที่จะเปิดรับความเสี่ยงเต็มที่ เนื่องจากความกังวลแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดยังคงกดดันตลาดอยู่ อย่างไรก็ดี สินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากความกังวลดังกล่าวคือ ค่าเงินดอลลาร์ โดยค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ โดยดัชนีค่าเงินดอลลาร์(DXY) ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับสูงสุดในรอบปีอีกครั้ง
มองเงินบาทมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวในกรอบกว้าง 32.75-33.15 บาทต่อดอลลาร์ ที่สำคัญจะต้องจับตาความผันผวนในตลาดการเงินที่อาจยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าปกติ ซึ่งตลาดอาจจะกลับมาผันผวนมากขึ้นหากตัวเลขเศรษฐกิจจีนออกมาแย่กว่าคาด นอกจากนี้แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารแห่งประเทศไทยก็สามารถกระทบแนวโน้มค่าเงินบาทได้เช่นกัน สำหรับวันนี้มองเงินบาทมีแนวโน้มที่จะแกว่งตัวในช่วงกรอบ 32.95-32.10บาทต่อดอลลาร์
ในสัปดาห์นี้ติดตามรายงานตัวเลขเศรษฐกิจดังนี้ เริ่มจากวันอังคาร ตลาดยังมีมุมมองที่เป็นลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน ซึ่งจะสะท้อนผ่านตัวเลข ZEW economic sentiment ที่ยังคงออกมาติดลบมากขึ้น ซึ่งตัวเลขที่แย่กว่าคาด อาจกดดันแนวโน้มค่าเงินยูโรได้ วันพุธ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตเศรษฐกิจญี่ปุ่นในไตรมาสที่3จะปรับตัวลดลงหนัก ซึ่งเป็นผลมาจากการเร่งขยายตัวของการลงทุนภาคเอกชนและการบริโภคเอกชนในไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ดีคาดว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะสามารถขยายตัวได้ราว 1% ในปีนี้และปีหน้า
นอกจากนี้ ตลาดจะให้ความสนใจตัวเลขเศรษฐกิจของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก ยอดการลงทุนเอกชน รวมทั้งยอดการผลิตอุตสาหกรรม ซึ่งสามารถบ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจจีนได้ โดยตัวเลขที่แย่กว่าคาดอาจกดดันบรรยากาศการลงทุนโดยรวม ด้านฟากตลาดการเงินไทย ตลาดจะจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางแห่งประเทศไทย ซึ่งถ้าหากเสียงโหวตขึ้นยังคงมีอยู่ 2เสียง อีกทั้งยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงข้อความในผลการประชุม อาจมองได้ว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยมีโอกาสที่จะไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ แล้วไปขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้าแทน
และในวันพฤหัสบดี ตลาดจะจับตาถ้อยแถลงของประธานเฟด Powell โดยเฉพาะแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯและการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด รวมทั้ง ความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าที่อาจกดดันการขึ้นดอกเบี้ยเฟดได้