ปภ. เผยประจวบฯ-ชุมพร น้ำท่วม 11 อำเภอ

ปภ. เผยประจวบฯ-ชุมพร น้ำท่วม 11 อำเภอ

ปภ.รายงานน้ำท่วมประจวบฯ-ชุมพร จม 11 อำเภอ เสียชีวิต 2 ราย เร่งให้ความช่วยเหลือด่วน ขณะที่นายกฯ สั่งสาธารณสุข เด็ก คนชรา สตรีมีครรภ์ ต้องมาก่อน

กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่า มีน้ำท่วมในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร รวม 11 อำเภอ 65 ตำบล 477 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,382 ครัวเรือน 20,665 คน เสียชีวิต 2 ราย สูญหาย 1 ราย ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงแจกจ่ายถุงยังชีพและเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้ว

นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดี ปภ. เปิดเผยว่า ร่องมรสุมกำลังแรงพัดผ่านภาคใต้ตอนล่าง ตั้งแต่วันที่ 7-9 พฤศจิกายน 2561 ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง ในพื้นที่ 2 จังหวัด รวม 11 อำเภอ 65 ตำบล 477 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,382 ครัวเรือน 20,665 คน เสียชีวิต 2 ราย สูญหาย 1 ราย ได้แก่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางสะพานน้อย อำเภอบางสะพาน อำเภอทับสะแก และอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ รวม 18 ตำบล 129 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,500 ครัวเรือน 10,000 คน เสียชีวิต 1 ราย

จังหวัดชุมพร ฝนตกหนักน้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปะทิว อำเภอสวี อำเภอเมืองชุมพร อำเภอหลังสวน อำเภอทุ่งตะโก อำเภอท่าแซะ และอำเภอละแม รวม 47 ตำบล 348 หมูบ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 3,882 ครัวเรือน 10,665 คน เสียชีวิต 1 ราย สูญหาย 1 ราย สะพาน 11 แห่ง ฝาย 5 แห่ง ประปา 3 แห่ง อ่างเก็บน้ำ 3 แห่ง ท่อระบายน้ำ 22 แห่ง พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะได้รับผลกระทบ 2,811 ไร่ ทั้งนี้ ปภ. ได้ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง พร้อมเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง

อีกทั้งจัดเจ้าหน้าที่สำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังต่อไป ท้ายนี้หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป

ด้าน พล.ต.ฐกัด หลอดศิริ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ผู้บัญชาการกองกำลังสุรสีห์ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก พ.อ.พิเชษฐ์ หัสดีผง ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 19 ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ ว่าสถานการณ์ในพื้นที่อำเภอบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เกิดฝนตกหนักลงมาติดต่อกัน ส่งผลให้ปริมาณน้ำฝนที่สะสมอยู่เพิ่มขึ้น ก่อนไหลเข้าท่วมถนนสายเพชรเกษม-บางสะพานหลายแห่ง

โดยที่บริเวณหน้าธนาคารออมสิน สูงประมาณ 50 ซม. เป็นระยะทางยาวกว่า 200 เมตร หน้าวัดห้วยทรายขาว ระดับน้ำสูง 60 ซม. หน้าโรงเรียนอนุบาลบางสะพาน ท่วมเลยทางเข้าวัดถ้ำม้าร้อง ระดับน้ำสูง 50-80 ซ.ม. นอกจากนี้ยังไหลเข้าท่วมหมู่บ้านต่างๆ ในพื้นที่ตำบลกำเนิดนพคุณ ชาวบ้านต้องอพยพออกมาอยู่ตามบ้านญาติ

ทั้งนี้ พ.อ.พิเชษฐ์ หัสดีผง ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 19 ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ สั่งการให้ พ.อ.เฉลิมพล สังข์ต้อง รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก นำกำลังพลชุดบรรเทาสาธารณภัย พร้อมอุปกรณ์การช่วยเหลือประชาชน ไปยังที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมในพื้นที่ อ.บางสะพาน โดยมีการร่วมบูรณาการวางแผนกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ในการเข้าช่วยเหลือในแต่ละพื้นที่โดยเร่งด่วน

ในส่วนโรงพยาบาลบางสะพาน หน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ ได้นำกำลังพลเข้าช่วยเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหนัก 10 ราย ไปยังโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์ ในส่วนของผู้ป่วยที่เหลืออีก 100 ราย ทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลบางสะพานยืนยันว่า ยังไม่มีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเพิ่มเติม แต่ติดตามสถานการณ์ฝนตกอย่างต่อเนื่อง และยังเปิดให้บริการรับผู้ป่วยทั่วไป ยกเว้นผู้ป่วยอาการหนัก และที่จะต้องผ่าตัดงดรับในช่วงนี้

นอกจากนี้ อ่างเก็บโป่งสามสิบ ต.ทองมงคล อ.บางสะพาน มีปริมาณน้ำเต็มอ่าง ทำให้น้ำล้นออกจากสปิลเวย์ (spillway) โดยประชาชนในพื้นที่ อ.บางสะพาน และ อ.บางสะพานน้อย ได้รับความเดือดร้อน จำนวนทั้งสิ้น 5,000 ครัวเรือน ทั้งนี้ หน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ ได้จัดกำลังพลลงพื้นที่เฝ้าติดตามสถานการณ์ปริมาณน้ำในพื้นที่โดยใกล้ชิดอย่างต่อเนื่อง และยังคงเร่งเข้าให้การช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน อีกทั้งยังเป็นนโยบายของผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นในการช่วยเหลือประชาชน เพราะ “ทหารต้องเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส"

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ติดตามและได้รับรายงานสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ โดยเฉพาะที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง โดยได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เน้นปฏิบัติการที่มุ่งดูแลสวัสดิภาพและความปลอดภัยของประชาชนเป็นอันดับแรก เช่น การอพยพไปอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสม การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากโรงพยาบาลที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง พร้อมทั้งจัดอาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรค และสิ่งของที่จำเป็นให้เพียงพอต่อการดำรงชีพ

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีพอใจที่ทุกหน่วยงานได้วางแผนและเร่งระดมสรรพกำลังไปช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ ทั้งการขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูงและจัดเรือเข้าพื้นที่ โดยกำลังพลจากหน่วยทหาร การช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ติดอยู่ในบ้านโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง การจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคโดยเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียง โดยบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข
"นายกฯ ให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ป่วยทั้งในโรงพยาบาล และผู้ป่วยติดเตียงตามบ้านพักอาศัยเป็นพิเศษ เนื่องจากบางคนไม่สามารถดูแลตัวเองได้ รวมถึงผู้ป่วยที่ต้องรับการล้างไต ผู้ที่ต้องได้รับยาต่อเนื่อง หญิงตั้งครรภ์ และเด็กเล็ก จึงสั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขออกสำรวจข้อมูลผู้ป่วย เพื่อให้ได้รับยาและดูแลอย่างใกล้ชิด" นายพุทธิพงษ์กล่าว

ขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศ ฉบับที่ 15 ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน เตือนภาคใต้บริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา และภูเก็ต ยังคงมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคใต้ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย สำหรับภาคเหนือ ภาตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ ขอให้เกษตรกรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร

ทั้งนี้ เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมอ่าวเบงกอล ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้

สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งต่อไปอีก 1 วัน
จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด และติดตามข้อมูลบนเว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือสายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง