ตร.งัดวงจรปิดยัน หนุ่มโรงงานย่านหนองจอกตายเปลือยไม่ได้ถูกฆ่า

ตร.งัดวงจรปิดยัน หนุ่มโรงงานย่านหนองจอกตายเปลือยไม่ได้ถูกฆ่า

รองผู้การฯนครบาล3 ยืนยันหลักฐานพยานชัด ไม่มีเหตุฆาตกรรมอำพรางหนุ่มโรงงานวัย 26 ย่านหนองจอก ระบุหากญาติยังติดใจพร้อมให้ความร่วมมือ และส่งศพให้นิติเวชผ่าพิสูจน์

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 8 พฤศจิกายน 2561 พ.ต.อ.ชาญวิทย์ พุ่มโพธิ์ รอง ผบก.น.3 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ศักยะ แสงวรรณผกก.สน.หนองจอก เปิดเผยถึงกรณีการพบศพ นายฮารน เด็นมานิ วัย 26 ปี ที่เสียชีวิตภายในโรงงานแห่งหนึ่งย่านหนองจอก ว่าคดีนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีพยานหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ ยืนยันว่าเป็นการเสียชีวิตเองโดยธรรมชาติ ไม่ได้เกิดจากการถูกทำร้ายหรือฆาตรกรรม ซึ่งภาพวงจรปิดยืนยันก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายได้มีการถอดเสื้อผ้า ก่อนจะล้มลงยังจุดเกิดเหตุ ส่วนบาดแผลที่พบเป็นบาดแผลที่พบเพียงเล็กน้อย ไม่สามารถทำให้เสียชีวิตได้

พ.ต.อ.ชาญวิทย์ กล่าวว่า ทางตำรวจได้ส่งพยานหลักฐานทั้งหมดไปตรวจสอบยังสถาบันนิตเวชโรงพยาบาลตำรวจที่ระบุว่านายฮารน เสียชีวิตจากการที่สมองได้รับความกระทบกระเทือน แต่ไม่มีการยืนยันว่ากระทบกระเทือนจากสาเหตุใด เนื่องจากทางญาติไม่อนุญาตให้ผ่าชันสูตรพลิกศพ รวมถึงในส่วนของการตั้งข้อสังเกตเรื่องฆาตรกรรม หรือมีการทะเลาะวิวาท จะต้องมีดีเอ็นเอของคนร้ายติดอยู่ตามร่างกายของผู้เสียชีวิต

ทั้งนี้ ทางตำรวจมีการสรุปสำนวนในการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวแล้ว หากญาติติดใจถึงเรื่องการเสียชีวิตและต้องการให้ผ่าพิสูจน์ ทางตำรวจก็ยินดีที่จะให้สถาบันนิติเวช ผ่าเพื่อยืนยันอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม หากมีพยานหลักฐานเพิ่มเติมก็สามารถยื่นให้ทางตำรวจตรวจสอบได้ เนื่องจากคดีความมีอายุ 20 ปี

ขณะเดียวกันจากสืบสวนทราบว่าทางผู้เสียชีวิต ก่อนเกิดเหตุได้มีการดื่มสุรา และเสพยาเสพติดเข้าไปจำนวนมาก ทำให้มีอาการคลุ้มคลั่งก่อนเดินฟุ้งซ้าน ก่อนที่จะล้มเสียชีวิต

ต่อมาเวลา 14.00 น. น.ส.ฮาบิบ๊ะ เด็นมานิ ญาติผู้เสียชีวิต พร้อมด้วยนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ชี้แจงรายละเอียดของสาเหตุการตาย รวมถึงประเด็นที่ญาติติดใจสงสัย ทุกคำถาม โดยใช้เวลาในการพูดคุยนานประมาณ 1 ชั่วโมง

ต่อมาเวลา 15.00 น. นายอิบรอเหม เด็นมานิ อายุ 31 ปี พี่ชายของนายฮารน เปิดเผยว่า หลังตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ยังคาใจอยู่เรื่องของทรัพย์สินของผู้ตายที่ยังหาไม่พบ ประกอบกับภาพวงจรปิดตอนล้มยังไม่ชัดเจน จากนั้นได้เดินทางมาที่โรงงานของบริษัทสยามพาเนล จำกัด ถ.อยู่วิทยา แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กรุงเทพฯ เพื่อดูที่เกิดเหตุ ทั้งนี้ ภายหลังได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพนักงานโรงงานแล้ว ทางญาติของนายฮารน เปิดเผยว่า ไม่ติดใจประเด็นในการเสียชีวิตแล้ว เข้าใจในรายละเอียดมากยิ่งขึ้น เพราะหลักฐานจากกล้องวงจรปิด และการมาตรวจสอบที่เกิดเหตุสอดคล้องกัน ส่วนเรื่องประเด็นทรัพย์สินของผู้ตายก็ไม่ติดใจแล้วเช่นกัน เนื่องจากทางโรงงานได้เก็บทรัพย์สินเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุไม่พบอาวุธและร่องรอยการต่อสู้ จากการสืบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตได้ร่วมกันดื่มสุรา และได้เสพยาบ้ายาไอซ์จำนวนมาก โดยเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2561 ได้ร่วมกันดื่มสุราและเสพยาเสพติดที่ห้องพักของเพื่อนคนงานรวม 4 คน ตั้งแต่เวลา 17.00-21.30 น. จากนั้นได้แยกย้ายกลับที่พัก กระทั่งวันที่ 23 ส.ค. 2561 เวลา 07.30 น. มีผู้พบศพผู้เสียชีวิต จากนั้นตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในโรงงานทั้งหมด 11 ตัว โดยเป็นกล้องภายนอกโรงงาน 4 ตัว ภายในโรงงาน 7 ตัว พบว่าเวลา 21.40 น. นายฮารน ได้ออกจากห้องพักของเพื่อนคนงาน ต่อมาเวลา 21.53 น. พบนายฮารนปรากฎตัวในสภาพไม่สวมเสื้อผ้าเดินไป-มา ภายในโรงงานหลายรอบ

และในเวลา 21.54 น.ได้เข้าไปภายในห้องละหมาด กระทั่งเวลา 21.56 น.ได้ออกมาจากห้องละหมาดในสภาพนุ่งโสร่ง และสวมหมวกกะปิเยาะ พร้อมกับเดินไปมาภายในโรงงานหลายรอบ กระทั่งเวลา 22.08 น. พบผู้เสียชีวิตปีนลงมาจากหลังคาห้องละหมาดในสภาพไม่สวมเสื้อผ้า และเดินสลับวิ่งไป-มา ภายในโรงงาน กระทั่งเวลา 22.50 น. กล้องวงจรปิดจับภาพได้ว่า ผู้เสียชีวิตล้มลงบริเวณจุดที่พบศพดังกล่าว จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดช่วงเวลาเกิดเหตุ ไม่ปรากฎบุคคลอื่นอยู่ภายในโรงงานจนกระทั่งมีผู้ไปพบศพ

รายงานข่าวแจ้งอีกด้วยว่า จากการสอบพยานแวดล้อมทราบว่า ผู้เสียชีวิตมักจะมีพฤติกรรมแปลกๆ ชอบใส่โสร่งเดินไปมารอบๆ และภายในโรงงาน นอกจากนี้จากการตรวจสอบคราบเลือดที่พบบริเวณล้อนั่งร้าน และฉากเหล็ก ได้ส่งไปตรวจพิสูจน์ ซึ่งทางกองพิสูจน์หลักฐานยืนยันว่า คราบเลือดที่พบตรงกับคราบเลือดของผู้ตาย และไม่พบดีเอ็นเอ. ของบุคคลอื่นแต่อย่างใด