ป.ป.ส. ย้ำกัญชาเพื่อการแพทย์ต้องรอบคอบ

ป.ป.ส. ย้ำกัญชาเพื่อการแพทย์ต้องรอบคอบ

ป.ป.ส. ย้ำกัญชาเพื่อการแพทย์ ต้องรอบคอบ หวั่นคุมไม่ได้เหมือนวัตถุมีฤทธิ์ต่อจิตประสาท ซื้อขายได้แม้ไม่มีใบสั่งแพทย์ ส่งผลกระทบระยะยาว

เมื่อวันที่ 6 พ.ย.61 นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส) เปิดเผยความคืบหน้าในเร่งรัดการนำพืชกัญชามาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ว่า พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้ติดตามความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวทุกสัปดาห์ ซึ่งรัฐบาลไม่ได้ปิดกั้นในการนำพืชเสพติดมาสกัดใช้เพื่อทดลองรักษาโรคในมนุษย์ และไม่ใช่การปลดล็อคแต่ต้องเป็นการผ่อนปรนอย่างมีเงื่อนไขเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศ รวมทั้งให้เกิดความปลอดภัยในระยะยาวจริงๆ อย่างไรก็ตามยอมรับว่ารัฐยังมีข้อกังวลใน 3-4 ประเด็นหลักที่จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ คือ การพัฒนาสายพันธ์ การควบคุมพื้นที่ปลูก การสกัดและการสังเคราะห์น้ำมันกัญชาให้เป็นไปตามมาตรฐานในห้องทดลอง และการควบคุมการใช้สารสกัดหรือน้ำมันกัญชาสกัดในผู้ป่วย ซึ่งป.ป.ส. กระทรวงสาธารณสุข องค์การอาหารและยา(อย.) ไม่ได้มีข้อขัดแย้งกัน และพยายามกำหนดมาตรการทุกๆด้านร่วมกันเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนร่วมให้มากที่สุด

“ขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยต้องตรวจสอบตั้งแต่สายพันธุ์กัญชาที่มีส่วนประกอบของสาร THC ที่นำมาสกัดเป็นน้ำมันกัญชา การควบคุมพื้นที่ปลูกที่ต้องมีมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไมให้ผลผลิตถูกนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นและต้องควบคุมไม่ให้มีสารเคมีและยาฆ่าแมลงปนเปื้อน อย่างไรก็ตามการสกัดน้ำมันกัญชาต้องมุ่งไปสู่การผลิตยารักษาโรคเท่านั้น ต้องมีการควบคุมยาให้ถึงมือผู้ป่วยโดยไม่หลุดรอดไปยังบุคคลทั่วไป” นายนิยม กล่าว

เลขาธิการฯป.ป.ส. กล่าวอีกว่า จากการรวบรวมผลการศึกษากัญชาจากต่างประเทศพบว่ามีทั้งข้อดีที่เป็นประโยชน์ต่อการรักษาโรคในโรคบางชนิดขณะ เดียวกันก็มีผลเสีย เช่น ในเมืองโคโรราโด สหรัฐอเมริกาพบว่า ในเพศหญิงมีความต้องการใช้กัญชาเพื่อเสพเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังเกิดอุบัติเหตุจากการเสพกัญชา ประเด็นสำคัญคือ แม้จะมีการอนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อรักษาโรค แต่ยังพบว่ามีกัญชาจากตลาดมืดแทรกเข้ามาปะปนกับกัญชาถูกกฎหมาย จึงทำให้ตัวยาที่สกัดจากกัญชามีสารเคมีปนเปื้อนเป็นอันตรายกับผู้ป่วย เช่นเดียวกัน ที่ผ่านมาวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทเรายังมาสามารถควบคุมได้ทั้งหมดเลย เช่นเดียวกัน การจะสกัดน้ำมันกัญชา เพื่อนำมาใช้ในการรักษาโรค จึงต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ โดยเฉพาะผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

“ป.ป.ส.ยืนยันชัดเจนว่า กัญชายังเป็นพืชเสพติดประเภท 5 ไม่มีการปลดล็อคเพื่อนำมาใช้ทั่วไป แต่การนำพืชเสพติดมาใช้ในการรักษาโรคเฉพาะทางถือว่าเป็นการผ่อนปรนอย่างมีเงื่อนไข ภายใต้มาตรการควบคุมดูแลที่เข้มข้นเพื่อประโยชน์ทางด้านสาธารณสุขเท่านั้น” นายนิยม กล่าว