กังวลสงครามการค้า

กังวลสงครามการค้า

SET Index เมื่อวันศุกร์สามารถยืนในแดนบวกได้อย่างแข็งแกร่งตลอดวัน พร้อมปริมาณการซื้อขายที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

ขานรับข่าวปธน.ทรัมป์คุยโทรศัพท์กับปธน.สี จิ้น ผิงยืนยันพบกันในเวที G20 เพื่อแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าสหรัฐ-จีน ประกอบกับมีแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่องจากฝั่งนักลงทุนสถาบันติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,681.84 จุด (+14.29 จุด) Volume 6.1 หมื่นลบ. จาก Foreign Net  -611.35 ลบ. TFEX Net -3,450 สัญญาตราสารหนี้ -2,643 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐเพิ่มขึ้น 250,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.7% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 49 ปี และคำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.7%

+ผลทดสอบชี้ธนาคารขนาดใหญ่ของยุโรปทั้ง 48 แห่งต่างสอบผ่านภาวะวิกฤต

+ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุม 18-19 ก.ย. ระบุว่า ศก.ญี่ปุ่นขยายตัวปานกลางในระดับที่น่าพอใจ  พร้อมคาดอุปสงค์ในประเทศน่าจะยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น ขณะที่อัตราเงินเฟ้อน่าจะขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป

-ดาวโจนส์ปิดลบ โดยถูกกระทบจากการทรุดตัวลงของราคาหุ้นแอปเปิล อิงค์ รวมทั้งการที่นักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่กระทรวงแรงงานเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่ง

-น้ำมันดิบปิดลดลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด ภายหลังสหรัฐประกาศผ่อนผันให้ 8 ประเทศยังคงสามารถนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านได้หลังวันที่ 4 พ.ย.

-ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตยูโรโซน ปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 3 สู่ระดับ 52.0

-ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.3% สู่ระดับ 5.40 หมื่นล้านดอลลาร์แตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน โดยสหรัฐขาดดุลการค้าต่อจีนสูงสุดเป็นประวัติการณ์

- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 2.75 แสนล้านบาท ค่าเงินบาท 32.83 บาท/US

*จับตา 6 พ.ย. วันเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภากลางเทอมของสหรัฐฯ

คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสชะลอตัวตามตลาดหุ้นภูมิภาค เนื่องจากกลับมากังวลสงครามการค้าและธนาคารกลางสหรัฐปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า  โดยยังมีปัจจัยลบจากนักลงทุนต่างชาติมีสถานะขายต่อเนื่อง  คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ  1,665 -1,685 จุด

กลยุทธ์การลงทุน  

-Low Beta High Dividend ANAN PSH QH ASK TISCO KKP SPRC TOP TKS

-เงินบาทอ่อนค่าสู่ 32.83 หนุนกลุ่มส่งออก CPF SVI XO KCE

-หุ้น Theme EEC play : AMATA, WHA, EASTW, ATP30, ORI

- หุ้นที่คาดว่า 2H61 จะเติบโตต่อเนื่อง ANAN ORI SC KCE CPF SVI

- หุ้น MAI ที่ผลประกอบการ 2H61 เติบโตต่อเนื่อง XO CHAYO TACC SSP AUCT

หุ้นแนะนำพิเศษ

HMPRO (ราคาปิด 14.90 บาท “ซื้อเก็งกำไร” Bloomberg Consensus 16.30 บาท)

  • รายได้จากขายในช่วง 3Q61 เท่ากับ 15,401 ลบ. -0.28%YoY,+2%QoQ ทรงตัวจากปัจจัย Seasonal กอปรกับ SSSG ลดลง 0.3%YoY รวมทั้งไม่ได้เปิดสาขาเพิ่มระหว่างไตรมาส3 อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิ 3Q61 เท่ากับ 1,366 ลบ. +15.5%YoY, +1%QoQ เนื่องจาก สัดส่วนสินค้า House Brands เพิ่มขึ้นทำให้ %GP เพิ่มขึ้นเป็น 27.6% จาก 26.3% ใน 3Q60 ขณะที่กำไร 9M61 เท่ากับ 3,927 ลบ. +16.9%YoY
  • ประเด็นที่ยังน่ากังวล : สาขา HomePro-Malaysia มีรายได้ยังไม่ถึงจุดคุ้มทุนแม้จะเปิด 6 สาขาแล้วเนื่องจากมีการแข่งขันที่รุนแรงกอปรกับการจัดการระบบภายในยังไม่มีประสิทธิภาพ จึงยังไม่มีแนวโน้มเปิดสาขาเพิ่มในปี 61-62
  • แนวโน้ม 4Q61 เข้าสู่ High Season : มีแผนขยายสาขาใน Q4 อีก 3 สาขา โดยเปิด HomePro(S) สาขา Market Place เมื่อ 5 ต.ค. 61 และจะทยอยเปิดอีก 2 สาขาจนถึงสิ้นปีที่ Gateway บางซื่อ และ Sena fest ปลายปี 61 จะมีทั้งสิ้น 109 สาขา (เปิดเพิ่ม 7 สาขาจากปี 60) แบ่งเป็น 1) HomePro 82 สาขา 2) HomePro(S) 9 สาขา 3) HomePro-Malaysia 6 สาขา และ 4) MegaHome 12 สาขา อีกทั้งจะมีกิจกรรมกระตุ้นยอดขาย เช่น งาน HomePro Fair และโปรโมชั่นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ขณะที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์กำไรปี 61 เฉลี่ย 5,645 ลบ. +15.5%YoY (กำไร 9M61 อยู่ที่ 3,927 ลบ.)

ส่องหุ้น

MTC              แนวรับ 53.50 , 52.50 บาท       แนวต้าน 56.75 บาท

SAWAD          แนวรับ 46.00-45.25 บาท         แนวต้าน 47.75-48.00 , 49.00 บาท

หุ้นมีข่าว   

·        INTUCH (ราคาปิด 52 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 69.26) รายงานกำไรสุทธิ 3Q61 อยู่ที่ ลบ. -8%QoQ -18%YoY ลดลงตามส่วนแบ่งกำไรจาก ADVANC ที่ลดลง อย่างไรก็ตามกำไรสุทธิงวด 9M61 อยู่ที่ 9,181 ลบ. +8%YoY ตามส่วนแบ่งกำไรของ ADVANC ที่เพิ่มขึ้นและ THCOM มีกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนในซีเอสแอล

·        ความเห็น กำไรสุทธิงวด 9M61 คิดเป็น 71% ของคาดการณ์กำไรสุทธิปี 61 ของ Bloomberg Consensus ที่ 12,903 ลบ. 21%YoY

·        ADVANC (ราคาปิด 189 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 218.12)โอดปรับลดคาดการณ์รายได้ลงเหลือเติบโต 3.5-4.5% จากเดิมคาดโต 5-7%  ฉายภาพธุรกิจบรอดแบนด์-Voice แข่งขันสูง ชูจุดเด่นบริการ-โครงข่ายคุณภาพ (ที่มา : IQ)

·        ANAN (ราคาปิด 4.62 ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 6.12)  งบ Q3โตทะลัก 5 เท่า ผู้บริหารเปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 3/2561 สามารถโอนกรรมสิทธิ์โครงการแอชตัน จุฬา-สีลม และโครงการแอชตัน- อโศก นอกจากนี้ยังมีโอนกรรมสิทธิ์โครงการต่อเนื่อง เช่น โครงการ ไอดีโอ สุขุมวิท 93 จึงมั่นใจว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2561 จะโอนกรรมสิทธิ์ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ระดับ 38,000 ล้านบาท หลังจากช่วงครึ่งปีแรกโอนกรรมสิทธิ์ไปแล้ว 10,599 ล้านบาท ส่วนในช่วงไตรมาส 4/2561 บริษัทยังมีโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ จำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 11,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมียอดขาย (Presale) เฉลี่ยอยู่ที่ 64% และล่าสุดบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือรวมมูลค่า 54,600 ล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4/2561 ประมาณ 85% ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 2564 (ที่มา ข่าวหุ้น)

·        ความเห็น Bloomberg Consensus คาดกำไร 3Q61 เฉลี่ย 802 ลบ. +37%QoQ +469%YoY ขณะที่คาดกำไรปี 61 เฉลี่ย 2,118 +59%QoQ

·        PLE ตั้งเป้ารายได้ปี 62 ฟื้นโต 10-20% ตาม Backlog เพิ่มหลังปีนี้ลดลงจากปีก่อน-ศึกษาลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวลในญี่ปุ่น ที่ผ่านมาบริษัทเข้าไปซื้อซองเสนอราคาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน แต่คงไม่ได้เข้าร่วมประมูลโครงการ  เนื่องจากเห็นว่าต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง แต่มองโอกาสในการเป็นผู้รับเหมาช่วง (Sub-Contract) แทน รวมถึงการเข้าไปรับงานในลักษณะ Sub-Contract โครงการลงทุนต่าง ๆ ในพื้นที่ EEC ด้วย (ที่มา : IQ)

·        IVL ประกาศซื้อกิจการ M&G FibrasBrasil ผู้ผลิตและจำหน่ายเส้นใย ในบราซิล กำลังผลิต 75,000 ตัน/ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จใน Q4/2561(ที่มาข่าวหุ้น)   

·        WICE วางงบลงทุน 200 ล้านบาท ลุยซื้อกิจการต่อยอดธุรกิจตั้งเป้ารายได้แตะ 3 พันล้านบาทในปี 2563 ปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรในเอเชีย 3-4 ราย คาดสรุปได้ปีหน้า ส่วนผลงานปีนี้คาดโต 30% ตามเป้าที่ตั้งไว้ ฟากโบรกชี้พ้นจุดต่ำสุดแล้ว(ที่มาทันหุ้น)

·        ประเด็นบวกกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง : กนอ.เดินหน้าเปิดระมูลโครงการท่าเรือฯมาบตาพุดระยะ 3 มูลค่าการลงทุนราว 55,400 ลบ.พร้อมเปิดขายซองทีโออาร์ 9-21 พ.ย.นี้ (ที่มา : IQ)

·        PTTOR พร้อมปรับสัดส่วนน้ำมันปาล์มดิบในน้ำมันไบโอดีเซล บี 7 จากปัจจุบันที่กำหนดอยู่ราว 6.6% เพิ่มเป็น 6.8% คาดว่าจะช่วยดูดซับสต็อกน้ำมันปาล์มดิบได้เพิ่มขึ้นราว 62,000 ตันต่อปี จากปัจจุบัน1.3 ล้านตันต่อปีหนุนนโยบายรัฐฯ-ช่วยแก้ปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ เริ่ม 3 พ.ย. เป็นต้นไป(ที่มา : IQ )

·        COM7 จะซื้อหุ้น 100% ใน DRL ผู้จำหน่ายอุปกรณ์สื่อสาร ภายใต้ชื่อ “KingKong Phone” มูลค่า 210 ลบ. ส่วนใหญ่ซื้อจาก DNA คาดแล้วเสร็จ Q1/62 (ที่มา :IQ)